ทางการจีนระบุเจอข้อบกพร่องด้านเอกสารการบิน-ตัวเครื่อง-การบำรุงรักษา-บุคลากร 5 สายการบิน โอเรียนท์ไทย, ซิตี้ แอร์เวย์, อาร์ แอร์ไลน์, นกสกู๊ต และเจ็ท เอเชีย เล็งตรวจสอบเพิ่มในสัปดาห์นี้ ขณะที่เอฟเอเอจ่อตรวจมาตรฐานไทยกลางเดือน ก.ค. ด้าน บพ.รับหวั่นใจเพราะแก้ไขอาจเสร็จไม่ทัน นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน (บพ.) เปิดเผยภายหลังเจ้าหน้าที่สำนักการบินพลเรือนประเทศจีนเข้าหารือเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ทางการจีนได้เข้ามาประสานความร่วมมือในด้านการบินกับฝ่ายไทย รวมถึงชี้แจงให้ไทยทราบถึงกฎเกณฑ์และระเบียบในการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของจีน นอกจากนี้ ยังได้เข้ามาทำการตรวจสอบความปลอดภัยด้านการบินในสายการบินของไทยที่บินไปลงที่ประเทศจีนอีก 5 สายการบิน ได้แก่ สายการบินโอเรียนท์ไทย, ซิตี้ แอร์เวย์, อาร์ แอร์ไลน์, นกสกู๊ต และเจ็ท เอเชีย ทั้งนี้ ทางการจีนได้แจ้งว่า ที่ผ่านมาได้ตรวจพบข้อบกพร่องด้านการบินของสายการบินทั้ง 5 สายของไทย แต่เป็นข้อบกพร่องเล็กน้อย และไม่น่าจะมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน แต่อย่างไรก็ตาม ทางการจีนอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดของแต่ละสายการบินให้ชัดเจนอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ โดยจะแจ้งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการให้ทราบในสัปดาห์หน้า นายสมชายกล่าวว่า สำหรับข้อบกพร่องเล็กน้อยที่จีนตรวจพบจาก 5 สายการบิน ประกอบด้วย ความบกพร่องด้านเอกสารการบิน, ตัวเครื่อง บิน, การบำรุงรักษาเครื่องบิน และบุคลากร โดยในส่วนของเอกสารตรวจพบว่าหลายสายการบินมีคู่มือการบำรุงรักษาเครื่องบินและคู่มือการปฏิบัติการบินไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขณะที่ตัวเครื่องบินพบมีการนำเครื่องบินเก่าอายุเกิน 14 ปี มาให้บริการ ด้านการบำรุงรักษาก็ตรวจพบว่าไม่ซ่อมเป็นไปตามตารางการซ่อมบำรุงรักษาที่กำหนด ส่วนบุคลากรมีจำนวนบุคลากรไม่เพียงพอและยังขาดการฝึกอบรม อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า 5 สายการบินจะแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยเหล่านี้ได้ และจะไม่ถูกจีนออกมาตรการตอบโต้ทางการบิน แต่ท้ายที่สุด ต้องรอผลการตรวจสอบของกรมการบินพลเรือนจีนก่อน แต่หากสายการบินไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด อาจจะถูกสั่งระงับการทำการบินไปยังประเทศจีน ทั้งนี้ นายสมชายยังได้กล่าวถึงกรณีที่องค์กร การบินพลเรือนของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) จะเดินทางเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทยช่วงกลางเดือน ก.ค.ว่า ยอมรับว่ามีความกังวล เนื่องจากช่วงนั้นไทยอาจยังทำคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินไม่เสร็จ เช่น คู่มือการตรวจสอบในการรับรองผู้ดำเนินอากาศ คู่มือการซ่อมบำรุง การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ด้านการบิน รวมถึงการตรวจการออกใบอนุญาตการเดินอากาศ (เอโอซี) ของ 28 สายการบินของไทยก็อาจจะแล้วเสร็จไม่ทัน “ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้พยายามเร่งรัดให้ได้มากที่สุดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้น่ากังวล เพราะหากไทยไม่ผ่านการตรวจสอบครั้งนี้ เอฟเอเออาจจะออกมาตรการห้ามสายการบินจากไทย หรือห้ามขยายจำนวนเที่ยวบิน เพิ่มขนาดเครื่อง และห้ามเปิดเส้นทางบินใหม่ๆไปยัง สหรัฐอเมริกาได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ บพ.ตกมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการตรวจสอบของ ICAO ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณารายละเอียดแผนการปรับโครงสร้างองค์กรและการแยกหน่วยงานกำกับ ตามข้อแนะนำของ ICAO และโครงสร้างใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค.2558 โดยเตรียมขอใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 เพื่อขออนุมัติแผนการฝึกอบรม แผนการใช้งบประมาณ และการบรรจุเจ้าหน้าที่ที่จะรับผิดชอบการตรวจสอบและออกใบอนุญาตการบินรวม 53 คน ขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการสรุปรายละเอียดแผนการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan) ที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยด้านการบิน (SSC) ด้านการขนส่งสินค้าวัตถุอันตรายและการออกใบอนุญาตการบิน (AOC) และแผนการปรับโครงสร้างองค์กร จะเร่งสรุปราย ละเอียดภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเสนอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ICAO ภายในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ บพ.จะต้องตรวจสอบการ ออกใบอนุญาตของทุกสายการบิน โดยเฉพาะ 28 สายการบินที่บินต่างประเทศให้เสร็จสิ้นภายใน เดือน มิ.ย.2558 นี้ และตรวจสอบสายการบินส่วนที่เหลือจนครบ 41 สายการบินและรายงาน ICAO อย่างต่อเนื่อง.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์