KTC 'เคทีซี' กำไรโตเกินคาดไตรมาสแรก 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62%
เคทีซีประเดิม 3 เดือนแรก กำไรสุทธิพุ่ง 574 ล้านบาท โต 62% จากช่วงเดียวกันของ ปี 2557 พอร์ตลูกหนี้สุทธิและฐานสมาชิกขยายตัวต่อเนื่อง ด้านลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ต่ำกว่าอุตสาหกรรม อยู่ที่ 2.4% เท่ากับสิ้นปีก่อน เชื่อมั่นภาวะเศรษฐกิจฟื้น การใช้จ่ายผู้บริโภคขยับตามกลไกตลาด เดินหน้าปักหมุดธุรกิจในหมวดใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวัน และที่มีแนวโน้มโต โดยจะติดตามศึกษาการใช้จ่ายของสมาชิกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยัง เอ้าท์ซอร์สการติดตามหนี้เพื่อรองรับพรบ.การทวงถามหนี้ที่จะประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้ มั่นใจฐานสมาชิกและยอดการใช้จ่ายทั้งปีเติบโตตามคาด
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ไตรมาสที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคยังคงเติบโตดี แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ในช่วง 9 เดือนข้างหน้า บริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นว่า แนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะขยับตัว จากมาตรการที่ภาครัฐและเอกชนได้ช่วยกันขับเคลื่อน”
“ในช่วง 3 เดือนแรก เคทีซีมีปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตขยายตัวในอัตราเร่งที่ 11% สูงกว่าอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีอยู่ 8% โดยมีรายได้รวม 3,705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปี 2557 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 28.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 27.3% ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% คุณภาพพอร์ตลูกหนี้เติบโตดีต่อเนื่อง สามารถรักษาระดับ NPL ลูกหนี้รวมให้เท่ากับสิ้นปี 2557”
“บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 52,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ อยู่ในรูปของลูกหนี้การค้าสุทธิ คิดเป็น 93% ของสินทรัพย์รวม โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเมื่อหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญแล้วเท่ากับ 48,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 2.5 ล้านบัญชี เติบโต 11% แบ่งเป็น บัตรเครดิต 1,846,787 บัตร (ขยายตัว 13%) ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 33,373 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 702,081 บัญชี (ขยายตัว 8%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 15,042 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) อยู่ที่ 2.4% โดย NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.6% จาก 2.2% และ NPL สินเชื่อบุคคลเหลือเพียง 1.1% จาก 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่หนี้สูญ ได้รับคืนในไตรมาสแรกมีมูลค่าเท่ากับ 479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน”
“เคทีซีจะยังคงมุ่งสนับสนุนให้เกิดการแบ่งเบาภาระการใช้จ่ายพื้นฐานในหมวดประจำวัน ด้วยข้อเสนอและสิทธิพิเศษทั้งในรูปส่วนลด การแบ่งชำระ การใช้คะแนนสะสม การให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาค ทั้งหมวดน้ำมัน ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ดิสเค้านท์-สโตร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต กีฬา อุปกรณ์โทรศัพท์ ไอที เดินทางท่องเที่ยวและหมวดใช้จ่ายต่างๆ ที่ตรงกับความต้องการของสมาชิก”
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) ทั้งสิ้น 24,960 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6,930 ล้านบาท อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.62 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
สำหรับปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการสร้างรายได้และกำไรเติบโตประมาณ 10-15% โดยมีแผนต่อเนื่องในการขยายธุรกิจไปต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มสัดส่วนฐานสมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลในต่างจังหวัดให้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เน้นกิจกรรมการตลาดในทุกหมวด เพื่อมุ่งหมายให้เคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย สร้างรายได้เพิ่มผ่านกิจกรรมการตลาดผลิตภัณฑ์และบริการเสริม เช่น การนำเสนอแผนประกันรูปแบบต่างๆ การนำเสนอสินค้าผ่านแคตตาล็อกและทางอินเตอร์เน็ต บริการ U Shop V Deliver การรุกตลาดสินเชื่อพร้อมใช้ “KTC PROUD” โดยใช้คะแนนสะสมแลกอัตราดอกเบี้ยพิเศษ พัฒนาบริการออนไลน์เสริมธุรกิจหลัก สร้างฐานสมาชิกใหม่จากช่องทางการจัดหาสมาชิกที่หลากหลาย
“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการควบคุมคุณภาพหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยได้จัดจ้าง บริษัทภายนอก (Outsource) ในงานติดตามหนี้และเรียกเก็บหนี้แทนบริษัทฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อปรับการปฏิบัติงานให้สอดคล้องตามแนวทางปฏิบัติในการติดตามทวงถามหนี้ และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 โดยบริษัทภายนอกจะต้องดำเนินการติดตามและเรียกเก็บหนี้ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด” นายระเฑียรกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : matichon
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.