“บวรศักดิ์” เมินหน้านักการ เมืองแค่พันกว่าๆ ประกาศร่าง รธน.เอาหลังพิงประชาชน 64 ล้านคน ท้าใคร มาตัดสิทธิพลเมืองต้องข้ามศพไปก่อน เบรก สปช.ไม่มีหน้าที่ตัดสินแทนประชาชน ปูดนั่งเพ่งจิตเห็นนิมิตร่าง รธน.ผ่านแน่ “เทียนฉาย” ปรี๊ดขึ้นกลุ่มขู่คว่ำร่างฯ “ไพบูลย์” ช่วยห้ามอย่าลุแก่อำนาจ “วันชัย” กร้าว กมธ.ดื้อไม่ปรับ-แก้ก็ถูกคว่ำ “ดิเรก” ชงปล่อยผีบ้าน 109-111 ได้กลับบ้านแล้ว 7 ดาวดิน 37 นศ.ต้านรัฐประหาร คสช.ไม่ซีเรียสโดนฟ้องข้อหากบฏ ลิ่วล้อ ปชป.ยุ “บิ๊กตู่” เลิกพาสปอร์ตแดง “แม้ว” บี้อายัดทรัพย์ “ปู” คดีข้าว “ทักษิณ” ง่วนอยู่กับหลานแฝดหลังทิ้งบอมบ์ คสช. การยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อเปิดทางให้มีการทำประชามติ ขณะที่ สปช.ได้มีการรวบรวมคำขอแปรญัตติเพื่อปรับ-แก้ในหลายมาตราก่อนที่จะมีการลงมติรับ-ไม่รับร่างฯ ในต้นเดือน ส.ค.นั้น “บวรศักดิ์” ยกทัพยกร่างฯ บุกอีสาน เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 พ.ค.ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ร่วมกับ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สถาบันพระปกเกล้าและสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จัดโครงการสัมมนาเรื่อง การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีประชาชนจากภาคอีสานจำนวนกว่า 600 คน เข้าร่วมการสัมมนา โดยตัวแทนเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนและขบวนองค์กรชุมชนภาคอีสานได้ยื่นข้อเสนอและความเห็นต่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ เพื่อสนับสนุนการกระจายอำนาจ มีเหตุผลคือ รูปแบบการปกครองแบบรวมศูนย์กลางเป็นการเหนี่ยวรั้งไม่ให้ประชาชนแสดงออก ทำให้เกิดการคิดแทนส่งผลให้ชุมชนท้องถิ่นอ่อนแอ และสนับสนุนหลักการของสมัชชาพลเมืองให้ประชาชนเข้ามากำหนดนโยบายท้องถิ่นของตนเองได้ จะทำให้การปฏิรูปประสบผลสำเร็จ ยันเขียน รธน.ไม่ให้ไก่จิกกันตายในเข่ง จากนั้นเวลา 14.10 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ร่างรัฐธรรมนูญ ตอนหนึ่งว่า เรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะต้องมีการทำประชามติ อยากฝากบอกทุกคนในประเทศนี้ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนทุกคน เกิดมาวันแรกไม่มีตำแหน่งอะไรเป็นพลเมืองไทยเฉยๆ วันที่เป็นวันตายก็ไม่มีตำแหน่งอะไร เหลือเพียงความเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น ดังนั้นการทำประชามติต้องนึกถึงพลเมืองเป็นหลัก ทุกคนสวมหัวโขนอยู่อย่านึกถึงแต่ตำแหน่ง กมธ.ยกร่างฯ เองก็จะพยายามทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์ที่สุด รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนในภาวะที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านความขัดแย้งมา บ้านเมืองเสียหายไปมากและเสียโอกาสในการลงทุน หากความขัดแย้งยังไม่หายไป ประเทศไทยก็จะถอยหลังไม่เกิดการพัฒนา ลูกหลานเราจะอยู่ไม่ได้ ท้ายที่สุดก็จะจิกตีกันเองเหมือนไก่ในเข่งจนกระทั่งตายในวันตรุษจีน ลั่น สปช.อย่าออฟไซด์เกินหน้า ปชช. นายบวรศักดิ์กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมีคนพูดถึงแค่ไม่กี่เรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง แต่เรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนกลับไม่พูดถึงกันเลย วันนี้ กมธ.ยกร่างฯ ตัดสินใจแล้วว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน 64 ล้านคน ไม่ใช่นักการเมืองแค่พันกว่าคน หากใครจะมาตัดสิทธิพลเมืองต้องผ่านศพของตนไปก่อน ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านไม่ได้อยู่ที่ สปช. เพราะ สปช.ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินแทนประชาชนคนที่ตัดสินคือประชาชนทุกคน หากบอกว่าไม่เอาตนก็กลับบ้านไปนอน หากเอาก็เดินหน้าต่อ อีกไม่กี่เดือนประชาชนต้องเตรียมศึกษาร่างรัฐธรรมนูญให้ดี ต้องศึกษาด้วยตัวเอง อย่าเชื่อตามกันมา อย่าเชื่อเพราะคนอื่นบอกว่าดีหรือไม่ดี ท่านต้องตัดสินใจเองว่าจะรับหรือไม่รับ คำพิพากษาของประชาชนคือคำพิพากษาสุดท้าย เพ่งจิตเห็นร่าง รธน.ผ่านแน่ นพ.กระแส ชนะวงศ์ รองประธาน กมธ.คนที่หนึ่ง กล่าวว่า เคยถามนายบวรศักดิ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ ซึ่งนายบวรศักดิ์ก็บอกว่าผ่านโดยดูจากเหตุผลของประชาชนที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจเพิ่มมากขึ้นและหยั่งรู้โดยสมาธิว่าจะผ่าน เมื่อนายบวรศักดิ์บอกว่าผ่าน ตนก็มั่นใจว่าร่างฉบับนี้จะผ่านเช่นกัน เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า ถ้าเชื่ออย่าสงสัย ถ้าสงสัยอย่าเชื่อ รัฐธรรมนูญมีเสน่ห์ 4 ข้อ คือ 1.ทำให้อำนาจบริหารทั้งหลายในอนาคตไม่ว่ารัฐบาลส่วนกลางหรือท้องถิ่นมีความโปร่งใส ไม่ลึกลับ เปิดเผยได้ เพราะรัฐธรรมนูญมีการกำหนดว่าคนที่จะเข้าสู่การเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ จะมีความชัดเจนว่าต้องทำอะไรได้บ้างและห้ามทำอะไรบ้าง 2. เรื่องการกระจายอำนาจไปสู่การปกครองท้องถิ่นถึงประชาชน จะมีอำนาจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถตรวจสอบได้ 3.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้น 4.เน้นการกระจายงบประมาณไปสู่การบริหารในระดับท้องถิ่นมากขึ้น วันนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้พยายามให้สิ่งที่ประชาชนต้องการ ดังนั้นเราก็หวังว่าจะได้ในสิ่งที่เราปรารถนาคือความสุขและความภาคภูมิใจ “เทียนฉาย” เอ็ดแก๊งจ้องคว่ำร่างฯ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่สมาชิก สปช.บางกลุ่มเคลื่อนไหวเตรียมลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ยินเรื่องนี้ คิดว่าไม่น่าจะมี เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่รู้ว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะแก้ไขส่วนไหนบ้าง ถ้าบอกว่าจะคว่ำไม่รับเลย ไม่มีเหตุผล เพราะยังไม่รู้เลยว่า กมธ.ยกร่างฯ จะแก้ไขอย่างไร อยากรู้ว่า ใครจะเดินหน้า คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าบอกว่าจะคว่ำ แล้วจะมาแก้ไขกันไปทำไม “ไพบูลย์” เบรกอย่าลุแก่อำนาจ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กรณีมีกลุ่ม สปช. เคลื่อนไหวจะไม่ให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ อาจถูกมองว่า พยายามเคลื่อนไหวเพื่อให้ สปช.อยู่ต่อ แม้จะลงมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการปักธงล้มร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่อยู่บนพื้นฐานการพิจารณาตามเหตุผล เมื่อเปิดให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจจะอยู่ที่ประชาชน ส่วน สปช.เป็นเพียงผู้กลั่นกรองเท่านั้น ดังนั้น สปช.ไม่ควรลุแก่อำนาจ พึงตระหนักในการทำหน้าที่และใช้ดุลพินิจ ก่อนส่งต่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ สำหรับการทำประชามติที่ต้องรับฟังความเห็นทุกฝ่ายนั้น มองว่าควรใช้พื้นที่หรือรายการโทรทัศน์เป็นเวทีดีเบตคนทุกฝ่าย “วันชัย” กร้าว กมธ.ดื้อไม่แก้ก็คว่ำ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปช. กล่าวว่า หากมีประเด็นใดที่ สปช.เห็นตรงกันเกินกว่า 5 คณะ ว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่เสนอขอไป แต่ กมธ.ยกร่างฯ ยังดึงดัน แข็งขืน ดื้อดึงไม่ปรับแก้ แถมหาเหตุผลมาชี้แจงหักล้างไม่ได้แล้ว เชื่อว่าสมาชิก สปช.ส่วนใหญ่กล้าโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญด้วยน้ำมือตัวเองแน่ เพราะ สปช.มีศักดิ์ศรี จะไม่ยอมให้ใครมาควบคุมสั่งการได้ แต่วันนี้ยังไม่อยากไปกล่าวหา กมธ.ยกร่างฯ ว่าไม่ฟัง เพราะเขาบอกจะยอมแก้ไขตามเสียงส่วนใหญ่ที่เห็นตรงกันมาก ก็ต้องรอดูต่อไป ถ้าหากวันใดมีการทำประชามติ จะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นกับความมั่นคงแน่ เพราะการทำประชามติจะต้องเปิดเวทีให้ทุกฝ่าย ถึงวันนั้น คนอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งต้องการฉีกหน้า ตบหน้ารัฐบาล จะถือโอกาสใช้เวทีเหล่านี้ปลุกปั่นให้เกิดแตกแยกได้ในเวลาเพียง 1 หรือ 2 เดือน ขนาดกดกันไว้ใต้น้ำยังมีแรงกระเพื่อม เมื่อทำประชามติวันนั้นน้ำจะขุ่นขึ้นมาก่อให้เกิดสับสนในประชาชน ที่สุดถ้านักการเมือง กลุ่มการเมือง ไม่ยอมรับต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว เขาจะเอาฐานมวลชนออกมาคว่ำรัฐธรรมนูญฉบับนี้แน่ ถ้าประชามติไม่ผ่านก็เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เสียหน้า ครม. คสช. กมธ.ยกร่างฯ รวม สปช.ด้วย แต่ถ้า สปช.ลงมือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแล้ว บ้านเมืองก็จะได้ไม่วุ่นวาย ไร้แรงกระเพื่อมจากการทำประชามติ “ดิเรก” ชงปล่อยผีบ้าน 109–111 นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงข้อสรุปการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง และ กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมว่า ขณะนี้ กมธ.ทั้งสองชุดได้ข้อสรุปประเด็นที่จะขอแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อ กมธ.ยกร่างฯ ในวันที่ 25 พ.ค.แล้ว อาทิ การให้มี ส.ส. 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 การให้มี ส.ว. 154 คน มาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละ 2 คน รวมถึงขอแก้ไขมาตรา 111 (15) เรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.ที่ห้ามผู้ตัดสิทธิทางการเมือง และผู้เคยถูกถอดถอนจากตำแหน่งลงสมัครเลือกตั้ง เป็น ห้ามเฉพาะผู้เคยถูกถอดถอนทางการเมืองลงสมัคร เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่นักการเมืองที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี อาทิ บ้านเลขที่ 109 และ 111 ได้มีสิทธิลงสมัครได้ ปชป.จี้ “บวรศักดิ์” เปิดใจให้กว้าง นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง กตต. ศาลยุติธรรม พรรคการเมือง นักวิชาการและภาคประชาชนได้ยื่นข้อเสนอต่างๆต่อ กมธ.ยกร่างฯ ให้ทบทวน แก้ไขเพิ่มเติมหลายมาตรา ก็ควรต้องเปิดใจรับฟังอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รับเรื่อง ไม่เช่นนั้นจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับตั้งธง อย่างที่เขาว่าและอยากฝากถึงนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ว่า อย่าทำตัวเหมือนน้ำเต็มแก้ว ต้องอย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องใช้กับคนทั้งประเทศ ที่ผ่านมา นายบวรศักดิ์ได้รับการยอมรับทางวิชาการมาก หากทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เสียหาย ไม่เป็นประชาธิปไตย เชื่อว่านายบวรศักดิ์จะเสียคนได้ ขัง “ดาวดิน” 1 คืน–ปล่อยตัวแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษากลุ่มดาวดิน 7 คน ซึ่งรวมตัวแสดงสัญลักษณ์คัดค้านการรัฐประหาร ด้วยการถือป้าย “คัดค้านรัฐประหาร” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่นเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ถูกทหารและตำรวจเชิญตัวไปปรับทัศนคติที่ค่ายศรีพัชรินทร์ มทบ.23 พร้อมกับนำตัวไป สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อสอบสวนและทำประวัติได้ถูกปล่อยตัวแล้ว โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนได้นำเสื้อผ้า อาหารเตรียมรอรับที่หน้า สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ นักศึกษา 1 ใน 7 คน ที่ถูกควบคุมตัว กล่าวว่า หลังจากถูกตำรวจ ทหารคุมตัวแล้วถูกคุมขังไว้ที่ สภ.เมืองขอนแก่น จนถึงเช้า จึงยื่นประกันตัวเองออกมาคนละ 7,500 บาท ด้วยเงินของกลุ่มสมาพันธ์นักศึกษาต่อต้าน คสช. และขอยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายและยังจะทำตามอุดมการณ์ต่อไป รุกเจรจาช่วย 33 นศ.กลางดึก ขณะที่กลุ่มนักศึกษาที่ไปจัดกิจกรรมรำลึก 1 ปีรัฐประหาร ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ที่แยกปทุมวันเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าสกัดกั้นจนมีเหตุปะทะกัน ซึ่งได้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ปทุมวัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 23 พ.ค. ที่ สน. ปทุมวัน มีนายธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กล่าวว่า ขณะนี้ทางตัวแทนได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับนักศึกษาที่ถูกจับควบคุมตัวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทั้งหมด 33 คน ทางเจ้าหน้าที่ได้แยกกันสอบปากคำจำนวน 3 ห้อง มีนักศึกษาจำนวน 9 คน คาดว่าจะถูกดำเนินคดีส่วนนักศึกษาอีก 24 คน ถูกปล่อยตัวแต่นักศึกษาที่ควบคุมตัวได้มีข้อตกลงว่าหากทุกคนที่ถูกควบคุมตัวต้องถูกปล่อยตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข หากไม่ตามขอเรียกร้องนักศึกษาทั้งหมดคงรวมตัวกันอยู่ภายในบริเวณ สน.ปทุมวัน ทั้งนี้ หากมีการเจรจาตกลงสำเร็จก็จะแยกย้ายกันออกไป เพื่อนมาเป็นร้อยร้องเพลงปลุกใจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศด้านหน้า สน.ปทุมวันยังมีกลุ่มนักศึกษากว่า 100 คนยังคงนั่งร้องเพลงปลุกใจ พร้อมจุดเทียน อีกทั้งมีการตะโกนให้ปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดออกมา หากมีการส่งศาลทหารดำเนินคดี กลุ่มพวกตนทั้งหมดจะตามไปเพื่อให้เพื่อนนักศึกษาที่ควบคุมตัวได้รับอิสรภาพในทุกด้านต่อไป ต่อมา เมื่อเวลา 02.30 น.วันที่ 23 พ.ค.ที่ สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานรถพยาบาล ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งตัว น.ส.ชลธิชา หรือน้องลูกเกด แจ้งเร็ว นักศึกษาปี 4 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ ที่ถูกควบคุมตัวมายัง สน.ปทุมวันตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำตัวส่งไปยัง รพ.กลางเพื่อรักษาตัวที่ โรงพยาบาลกลางเนื่องจากมีอาการอ่อนแรง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงจำนวน 2 คนประกบตัวไปด้วย เค้น 12 ชม.ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ขณะที่ พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.6 กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้นำกลุ่มนักศึกษาทั้งหมด 37 คนได้ทยอยให้ถ้อยคำในฐานะพยานกับพนักงานสอบสวนไว้ก่อนเกี่ยวกับวันเวลาช่วงเกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากให้ถ้อยคำเสร็จสิ้นทางพนักงานสอบสวนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ทันที ส่วนทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหาภาพจากกล้องวงจรพร้อมสอบปากคำพยานแวดล้อม ถ้าหากบุคคลใดกระทำความผิดก็จะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป กระทั่งเวลา 06.00 น.วันที่ 23 พ.ค. ที่ สน.ปทุมวัน หลังจากสอบถ้อยคำพร้อมทำประวัตินักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวครบทุกคนใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวทั้งหมด 37 คน โดยกลุ่มนักศึกษาที่ถูกปล่อยตัวออกมาได้มายืนคล้องแขนบริเวณหน้าสถานีตำรวจพร้อมร้องเพลง แสงดาวแห่งศรัทธา ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเฝ้ารอตั้งแต่เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมาก่อนที่แยกย้ายกลับไป เช็กวงจรปิดหาหลักฐานดำเนินคดี หลังจากเพลงจบลงมี นายรังสิมันต์ โรม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย– ธรรมศาสตร์ ที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่เมื่อวาน กล่าวว่า การชุมนุมของพวกเราไม่ผิดกฎหมาย และขอยืนยันว่าการแสดงออกของพวกเราเป็นการเรียกร้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่กับพวกเรานั้นต่างหากที่เรียกว่าผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามขอขอบคุณทุกคนที่มาเป็นกำลังใจ ด้าน พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เผยว่า ขณะนี้ได้ปล่อยตัวนักศึกษาทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่จะสอบประวัติบุคคลไว้ก่อน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานพร้อมกับสอบพยานแวดล้อม หากผู้ใดเข้าข่ายกระทำความผิดจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทหาร–ตร.บล็อกเวที “นิธิ” ที่บริเวณหน้าทางเข้าหอศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมาเหมินทร์ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลา 13.00 น. ทหารกองพันพัฒนาที่ 3 จ.เชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อ.เมืองเชียงใหม่ ตรึงกำลังสังเกตการณ์หลังมีข่าวนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ นัดรวมกลุ่มแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หลังครบ 1 ปีการทำรัฐประหารและกรณีนักศึกษาถูกจับที่หน้าลานหอศิลป์ฯ กทม. แต่เมื่อถึงเวลา นายนิธิได้ประกาศยกเลิกจัดงานโดยแจ้งกับกลุ่มนักศึกษาว่าจะไปจัดพูดคุยส่วนตัวที่บ้านพักเพื่อนอาจารย์คนหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่แทน โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกรับฟัง ส่วนที่หอประชุมหอศิลป์มีการนำกุญแจมาคล้องล็อกไว้พร้อมติดประกาศห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยมีตำรวจชุดปราบปรามจลาจลเตรียมพร้อมตลอดเวลา คสช.เตือนมือโพสต์ให้ร้าย จนท. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์หลังวันครบรอบการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลในแต่ละพื้นที่ก็ได้พยายามทำความเข้าใจ ใช้วิธีการขอความร่วมมือและทำความเข้าใจกับกลุ่มนักศึกษา ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้เน้นย้ำในส่วนของทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การดำเนินการกับนักศึกษาที่เป็นเยาวชนต้องใช้วิธีการทำความเข้าใจและขอความร่วมมือเป็นหลัก เพราะมองว่ากลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวยังอยู่ในวัยศึกษา ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลมีเดียว่า เจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำร้ายนักศึกษา ขอให้ประชาชนระมัดระวังการรับข้อมูลข่าวสาร และขอเตือนผู้ไม่หวังดีที่เผยแพร่ภาพข้อความใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ด้วย ปัดใช้มาตรการพิเศษหวดก้น นศ. ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.จะใช้มาตรการพิเศษเพื่อดำเนินการกับกลุ่มนักศึกษาที่ยังไม่เข้าใจ โดยเชิญตัวมาปรับทัศนคติหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า คสช.จะไม่ใช้มาตรการพิเศษเพราะต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีการสร้างเรื่องต่างๆให้เป็นประเด็น ส่วนการปรับทัศนคตินั้นคงไม่มี เพราะที่ผ่านมาทางนักศึกษาก็พยายามทำความเข้าใจร่วมกัน แต่บางอย่างถ้าผิดกฎหมายก็ต้องเชิญตัวไปโรงพัก เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมและขอความร่วมมือ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะพยายามไม่ตั้งข้อกล่าวหา ไม่ซีเรียส คสช.โดนฟ้องกบฏ เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กับพวกรวม 5 คนในฐานะความผิดเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และมาตรา 114 กรณีร่วมกันยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เขาดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์เพื่อทำกิจกรรม สิ่งใดก็ตามที่ผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการ แต่ขออย่ามีการรวมตัวกันเพื่อชุมนุมทางการเมือง อย่าฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องใช้ดุลพินิจดำเนินการตามกฎหมาย “สุวพันธุ์” ซัด “ทักษิณ” รู้อยู่แก่ใจ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระบุมีองคมนตรี อดีตนักการเมือง อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ถ้าจะว่าไปแล้ว คนที่พูดเขารู้ตัวดีว่าทำอะไรมาบ้าง ใครจะพูดอะไรก็ได้ ความเท็จอะไรพูดได้หมด แต่สังคมรู้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง ใครโกหกก็รู้ คนพูดก็รู้ว่าพูดอะไรออกมา มันเท็จคนพูดก็รู้ ส่วนคำพูดเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อความคิดประชาชนหรือไม่ ต้องถามประชาชน แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจดี เพราะเขาเห็น เขาฟัง เขาอ่าน และถ้ามองย้อนไป 1 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 52 เชื่อว่าประชาชนมีคำตอบในใจแล้ว ลิ่วล้อ ปชป.ยุเลิกพาสปอร์ตแดง นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่พูดให้ร้ายประเทศและเป็นการหวังดีกับสถาบันสำคัญของชาติหรือไม่ และขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช.และนายกรัฐมนตรีว่า การไม่ตอบโต้หรือรอฟ้องศาลเป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่เรื่องนี้ประเทศไทยเสียหาย ต้องรีบบังคับใช้กฎหมายที่มีอย่างเท่าเทียม โดยยกเลิกพาสปอร์ตการทูตเล่มแดงที่ออกโดยมิชอบในยุคนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็น รมต.ต่างประเทศ ที่สำคัญขอให้ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณตามระเบียบของ สตช.ทันที และถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องใช้ความเด็ดขาด เห็นแก่ประเทศชาติมากกว่าเรื่องอื่นใด นายวัชระกล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันระบอบทักษิณไม่มีอยู่จริงว่า ถือเป็นพวกที่เลี้ยงไว้ไม่เสียข้าวสุกซึ่งทั้งที่รู้ว่าระบอบทักษิณมีจริงและเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างปัญหาให้ประเทศจนถึงวันนี้ แก้แทน “มาร์ค” แพ้ ลต.จนหลอน นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกและฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยระบุพาดพิงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า แพ้การเลือกตั้งจนหลอน และเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์วางมือทางการเมืองว่า เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงของพรรคเพื่อไทยให้ประชาชนเข้าใจผิด การอ้างบิดเบือนว่าแพ้การเลือกตั้งจนหลอน ทั้งที่การเมืองประชาธิปไตยปกติ เมื่อชนะก็เป็นรัฐบาล หากแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน พรรคเคยทั้งแพ้และชนะมาแล้ว แต่สิ่งที่หลอนนักการเมืองคือ การทุจริตต่อประเทศชาติ ที่จะตามติดไปทั้งชีวิตสิ่งที่ตามหลอกหลอน พ.ต.ท.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยคือเรื่องนี้ต่างหาก ยิ่งคสช.ประกาศเช็กบิลคนโกง ก็จะยิ่งหลอน บี้ คสช.อายัดทรัพย์ “ปู–พวก” คดีข้าว นายราเมศกล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญที่ คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ดำเนินการ หลังจาก ป.ป.ช. ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังให้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 6 แสนล้านบาทจากโครงการจำนำข้าว วันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงขอเตือนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ว่า บุคคลที่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย 6 แสนล้านบาทคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ซึ่งกระทรวงการคลังต้องเร่งดำเนินการทำเรื่องนี้ เพราะอายุความคดีแพ่งสั้นกว่าคดีอาญา หากยืดเยื้อทำให้อายุความของคดีแพ่งขาดไป ทั้ง คสช.และรัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบ และหากยังไม่ส่งเรื่องฟ้องร้องคดีแพ่ง อาจมีการยักยอกถ่ายเททรัพย์สินไปซุกซ่อนที่อื่นได้ จึงมีความจำเป็นต้องฟ้องไว้ก่อนเพื่ออายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด “ทักษิณ” ง่วนกับ “เอมิ–นานิ” ทั้งวัน ด้านความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับลูก และหลาน มาที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยตลอดทั้งวันได้ใช้เวลาส่วนใหญ่เลี้ยงและเล่นกับหลานสาวฝาแฝด “เอมิ-พิณธารา”-“นานิ-พิณนารา” ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไปอุ้มหลานสาวทั้ง 2 คนทันทีทั้งที่ยังใส่ชุดนอน ขณะที่บรรดาลูกๆ ทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่างโพสต์ภาพและคลิปในอิริยาบถต่างๆของ พ.ต.ท.ทักษิณผู้เป็นพ่อที่กำลังเลี้ยงและเล่นกับหลานสาวทั้ง 2 คน ผ่านทางอินสตา– แกรม โดยนายพานทองแท้ระบุว่า “ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อมีความสุขที่สุดในรอบ 10 ปี” เช่นเดียวกับแฟนคลับที่เข้ามาแสดงความเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณดูมีความสุขมาก พร้อมทั้งฝากให้ น.ส.พินทองทา พา “เอมิ-นานิ” ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณบ่อยๆ “ปู” เดินตลาด–ทำบุญ 3 จ.อีสาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมทำบุญเลี้ยงพระเพลในงานสวดอภิธรรมศพมารดานางบุญรื่น ศรีธเรศ อดีต รมช.ศึกษาธิการ ที่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ก่อนแวะซื้อกาแฟที่ อ.ยางตลาด จากนั้นเดินทางผ่านไปยัง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เพื่อแวะซื้อผลไม้และของฝาก โดยยังคงมีบรรดาแม่ค้า ประชาชนทั่วไป เข้ามาขอถ่ายรูป และให้กำลังในการต่อสู้คดีเหมือนเช่นเดิม ต่อมาในช่วงบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปกราบสักการะพระธาตุขามแก่น ที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ตามคำแนะนำของนายจตุพร เจริญเชื้อ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าพระธาตุขามแก่นถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง การมากราบไหว้จะช่วยเสริมกำลังใจ และทำให้เกิดความสบายใจ กระทั่งช่วงเย็น น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงไปสนามบินเดินทางกลับบ้านที่ กทม. สอบงบ สปสช. 1–2 สัปดาห์จบ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสอบ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรณีความขัดแย้งในกระทรวงสาธารณสุขว่า ได้ข้อมูลพอสมควร อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวโยงคือการสอบข้อเท็จจริงความโปร่งใสของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) มีความคืบหน้ามากเช่นกัน รายงานข้อมูลเบื้องต้นมาแล้ว เตรียมรวบรวมข้อมูลการสอบและแนวทางการปรับปรุงการทำงาน สปสช.รายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อไปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ป.ป.ช.ปลุกกระแสต้านโกง เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนาคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2558 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและหาแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติฯให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยนาย ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติฯให้ประสบความสำเร็จ ต้องเน้นการ บูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการปราบปรามทุจริตอย่างจริงจัง และการป้องกันการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ต้องยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสภาครัฐ โดยยึดหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใสและการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพิ่มขึ้น ส่วนภาคเอกชนก็ต้องยึดหลักบริษัทภิบาลลดการทุจริตการติดสินบน ขณะเดียวกัน ภาคประชาสังคมต้องสร้างเครือข่ายปลุกกระแสไม่ยอมรับการโกงส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม สื่อมวลชนต้องขุดคุ้ยเรื่องไม่ชอบมาพากล โดย ป.ป.ช.มีเป้าให้การประเมินดัชนีความโปร่งใสของประเทศอยู่ต่ำกว่าอันดับ 50 ภายในปี 2560 “บิ๊กตู่” ขอคนไทยใช้สมอง–ใช้สติ ต่อมาเวลา 20.00 น. ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “นายกฯพบหอการค้า รวมพลัง” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งจัดโดยหอการค้าไทย เป็นการจัดประชุมใหญ่หอการค้า 5 ภาค ประจำปี 2558 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า คนไทยเป็นคนโรแมนติก ส่วนใหญ่ใช้ความรู้สึกใช้หัวใจเสียเป็นส่วนมากแต่ใช้สมองน้อยในการคิดใคร่ครวญว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ตนไม่ได้ดูถูก ดังนั้น วันนี้สิ่งแรกที่เราต้องแก้คือเราต้องมีความรู้ มีสติ และมีความรู้สึกในการครองชีวิต หากประเทศไทยยังใช้ความรู้สึกในการดำรงชีวิตอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตามคงเดินต่อไปกันไม่ได้ แม้แต่ตนยังต้องพยายามมีสติ ไม่โกรธ ซึ่งทำได้บ้างไม่ได้บ้าง และถ้าใครมาอยู่ตรงจุดเดียวกับตนก็จะรู้ว่าต้องอดทนมากพอสมควร ชี้มีคนจ้องทำลายทหาร–สถาบัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่นักศึกษาออกมาก็ใช้ไม่ได้ เพราะนั่นคืออนาคตของเรา ตนพยายามเข้าใจว่าเขามีไฟแรง มีอุดมการณ์ที่ดี แต่มันยังไม่ใช่เวลา ก็ให้อภัยมาหลายรอบเหลือเกิน เขาอยากจะพูดก็พูดไป ตนก็พูดได้เพียงอย่างเดียวว่า ถ้าถูกกฎหมายก็กลับมา ถ้าไม่ถูกกฎหมายก็แสดงว่าเขาผิดกฎหมายใช่หรือไม่ ถึงกลับบ้านไม่ได้เชื่อมั่นว่าทำความดี ไม่ต้องกลัว พระก็เยอะ พกพระอยู่ด้วย สรุปแล้วคนไทยต้องรักกัน พระมหากษัตริย์ ไม่ได้ต่อสู้กับสงคราม แต่ต่อสู้กับความยากจน แต่คนเลวก็ไปพูดกันกลับไปกลับมาบิดเบือนไปหมด แล้วก็มีคนเชื่อตาม ท่านเคยใช้เงินอะไรหรือเปล่า เคยไปศูนย์การค้าหรือเปล่าก็ไม่เคย เงินที่มีก็เอาไปช่วยตามโครงการหลวงต่างๆ เท่านั้น ตอนนี้ท่านมีพระชนมายุขนาดนี้แล้วก็ยังไม่มีความสุข คนที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจแล้วคล้อยตามมีไม่กี่คนหรอก มี 2 อย่างที่เขายังยึดอำนาจไม่ได้ คือทหารและสถาบัน เขาต้องการทำลาย ถ้าทำลายทั้ง 2 อย่างนี้ได้ก็จะยึดประเทศไทยทั้งหมด โดยใครก็ไม่รู้ ซึ่งทุกคนรู้จักกันหมดแต่ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทนรัฐออนไลน์