โน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงสิ้นปีนี้ ประเมินว่า การเติบโตของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทย ในปีนี้จะอยู่ที่ 3% ในขณะที่ การส่งออกตัวเลขสิ้นปีน่าจะติดลบที่ 1.3% เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งขณะนี้มีสหรัฐเพียงประเทศเดียวที่ยังดีอยู่ แต่ไทยยังมีข้อดี เพราะยังได้การท่องเที่ยวเข้ามาชดเชยการส่งออกที่หดตัว จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามามากกว่าปกติ แม้ว่ากำลังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะต่ำกว่านักท่องเที่ยวจากยุโรป หรือสหรัฐ แต่ก็จะยังพอมีรายได้เข้ามาชดเชยประเทศ ในขณะที่รัฐบาลยังพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่จุดสำคัญ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและนักลงทุน

"เชื่อว่าวันนี้เป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยแล้ว และเข้าสู่ระยะการฟื้นตัว จุดสำคัญคือ เราทุกคนจะต้องช่วยกันดึงความเชื่อมั่นของประชาชน และนักลงทุนกลับมา ดูจากสัญญาณสินเชื่อไตรมาส 1 ของไทยพาณิชย์ปีนี้ อยู่ที่ 1.81 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 1.8% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก ขณะที่สินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เริ่มมีสัญญาณกลับคืนมา และอีก 3 เดือนข้างหน้า ธนาคารจะมีการทบทวนแผนอีกครั้ง"

ด้าน นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า หากภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว และตลาดกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ก็พร้อมที่จะกลับเข้ามาสู่ตลาดอีกครั้งไม่ว่าจะในรูปแบบใด โดยมั่นใจว่าขีดความสามารถของไทยพาณิชย์สามารถกลับเข้ามาครองตลาดได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลใช้ความกล้าหาญกดปุ่มเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจกท์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ โดยไม่ต้องอาศัยความต้องการสินค้าไทยจากตลาดโลกเพียงลำพัง ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นตัวช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง หรือฮับ ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะอันใกล้ มองว่า หากมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นในช่วงปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบ เพราะขณะนี้รัฐยังไม่มีความริเริ่มใดๆ ทางเศรษฐกิจ ดังนั้น หากมีการเลือกตั้ง เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะเกิดสุญญากาศ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังต้องได้รับการกระตุ้น เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ไป รัฐบาลใหม่มาก็ยังต้องใช้เวลาเตรียมการ จึงจะไม่มีการตัดสินใจใดๆ ทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ก่อนจะจัดการเลือกตั้งใหม่ ควรมีการวางโครงสร้างกันให้ดีกว่านี้ ยกตัวอย่างการลงทุนของภาครัฐที่ผ่านมา เรามีรถไฟฟ้าแค่เพียงสายเดียว ยังพลิกโฉมหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไปอย่างมาก วันนี้มีโครงการรถไฟฟ้าสารพัดสี สิ่งที่ตามมาจะมีผลดีมากขนาดไหน

ขอบคุณข้อมูล จาก : แนวหน้า