มิตซุย ฟูโดซัง Mitsui Fudo-Sang นับเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ลำดับที่ 2 ของประเทศญี่ปุ่น ที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรทั้ง อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และที่อยู่อาศัย ผลประกอบการรวมทำรายได้กว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี จึงมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขยายการลงทุนไปในประเทศอื่นทั่วโลก สำหรับภูมิภาคเอเชีย ทางมิตซุย เข้าลงทุนทั้งในประเทศจีน ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย

ในประเทศไทย มิตซุยจับมือเป็นพันธมิตรคู่กับ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ โดย อนันดาฯ จะถือครองหุ้นในสัดส่วน 49% กลุ่มมิตซุย 49% และนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นสัดส่วน 2% ที่เหลือ ภายใต้ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย (Ananda MF Asia) โดยมีแผนการดำเนินงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าร่วมกัน 5 โครงการ มูลค่าโครงการ 19,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคิว ชิดลม-เพชรบุรี ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Hi-rise สูง 40 ชั้น ใกล้สถานีบีทีเอสชิดลม จำนวน 359 ยูนิต โดยจะเปิด Pre-sales ในไตรมาสที่ 2-ต้นไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดอีก 4 โครงการ 4 ทำเล ย่านสีลม บางนา บางซื่อ ในไตรมาส 4 และโครงการย่านท่าพระ ในไตรมาส 1 ปี 2559 ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทจะช่วยขยายฐานด้านองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง มาประยุกต์ใช้ในเมืองไทย นอกเหนือจากการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน

คุณชานนท์ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า “การร่วมทุนทางธุรกิจครั้งใหม่นี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ อนันดาฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง มิตซุย ฟูโดซัง มาเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนทางธุรกิจ ซึ่งมิตซุย ฟูโดซัง เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากการร่วมทุนที่ผ่านมาทำให้การขับเคลื่อนด้านกลยุทธ์ของบริษัทมีศักยภาพและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์ความรู้และการบริหารจัดการโครงการของมิตซุยฯ ที่มีการสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 340 ปี ความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมการออกแบบ และเทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง รวมถึงวิทยาการใหม่ๆ ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้าของอนันดาฯ ด้วยจุดแข็งดังกล่าวของมิตซุย ฟูโดซัง จะช่วยส่งเสริมให้อนันดาฯ ก้าวสู่มาตรฐานการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับสากลมากยิ่งขึ้นตามที่ได้ตั้งใจไว้อย่างแน่นอน”

ความเป็นมืออาชีพและการมองการณ์ไกลที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่งของมิตซุยฯ กับการวางแผนพัฒนาโครงการเมืองแห่งอนาคตสำหรับคนญี่ปุ่น คาดว่าแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) คือ การพัฒนาโครงการ Kashiwa-no-ha Smart City นับเป็น Mega Project บนพื้นที่ 2,730,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิดการสร้างสรรค์เมืองทันสมัย Urban City และรักษ์โลก (& Earth) โครงการนี้ทางมิตซุย ประสานงานขอความร่วมมือจากทางรัฐบาลญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยชั้นนำของโตเกียว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง "เมืองใหม่ Smart City" มีการบริหารจัดการภายในเพื่อการประหยัดพลังงาน พื้นที่เตรียมพร้อมสำหรับการเกิดแผ่นดินไหว และจัดสรรค์พื้นที่สร้างผู้ประกอบการใหม่ ขึ้นเทียบชั้น ซิลิคอนวัลเล่ย์ Silicon Valley ของสหรัฐอเมริกา สำหรับการจัดการพลังงานในเมืองแห่งนี้ ถูกออกแบบให้จัดการภายในแบบสมบูรณ์ โดยเน้นการใช้พลังงานสะอาด จาก แสงอาทิตย์ พลังงานลม และการรีไซเคิลขยะกลับมาเป็นพลังงานเชื้อเพลิง และที่สำคัญคือมีการวางแผนเก็บพลังงานไว้เผื่อรองรับหากเกิดภัยพิบัติหากเกิดขึ้นคนที่อยู่ในเมืองแห่งนี้จะยังมีน้ำบริโภค และมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้อีก 3 วัน

รูป Mega Project "Smart City" ในประเทศญี่ปุ่น

เทอร์ร่า บีเคเค ความร่วมมือของทางมิตซุยกับอนันดาฯ ครั้งนี้ ส่งเสริมทั้งด้านเงินทุนและการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการโครงการ ดังนั้นการก้าวสู่ความเป็น 1 ใน 3 ของบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยของ บมจ.อนันดา คงมาถึงในไม่ช้า หากความร่วมมือดังกล่าวสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างราบรื่น ภายใต้การดำเนินกลยุทธ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมือง คิดต่าง และนอกกรอบ ร่วมมือกันสร้างสรรค์เมกะโปรเจค (Mega Project) เพื่อยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์บ้านเรา เฉกเช่นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งที่ผ่านมาของทางมิตซุย ในประเทศญี่ปุ่น คนไทยจะได้มีพื้นที่แห่งการเรียนรู้ มีสวนศิลปะ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ อย่างเช่น โครงการ Tokyo Midtown และ Smart City ในประเทศญี่ปุ่นบ้าง




ข้อมูลเพิ่มเติม : www.kashiwanoha-smartcity.com บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้ TerraBkk ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก