“สมหมาย” ไฟเขียวสถาบันคุ้มครองเงินฝากลดความคุ้มครองจาก 50 ล้านบาทต่อบัญชีต่อธนาคารลดลงเหลือ 25 ล้านบาท ดีเดย์วันที่ 11 ส.ค.58 พร้อมลุยต่อลดเหลือ 1 ล้านบาท วันที่ 11 ส.ค.59 สคฝ.ไม่หวั่นประชาชนแห่ถอนเงิน วางแผนชี้แจงรอบทิศ เผยแบงก์ไทยสุดแข็งแกร่ง ฐานะเงินอยู่ในเกณฑ์ดีมาก นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า นายสมหมาย ภาษี ได้ส่งหนังสือถึง สคฝ.ให้ดำเนินการลดความคุ้มครองเงินฝากตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในวันที่ 11 ส.ค.58 จะลดความคุ้มครองจากไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อบัญชีต่อธนาคาร ลดลงเหลือ 25 ล้านบาท และในวันที่ 11 ส.ค.59 เป็นต้นไป จะลดความคุ้มครองจากไม่เกิน 25 ล้านบาท ลงเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท โดย รมว.คลังระบุว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะปกติ และยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง “รมว.คลังได้ส่งหนังสือถึง สคฝ.ให้ดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ในปีนี้ โดยจะลดความคุ้มครองเงินฝากลงเหลือ 25 ล้านบาท และในปีหน้าเหลือ 1 ล้านบาท หลังจากที่คงความคุ้มครองในช่วงระหว่างปี 2555-2558 รวมระยะเวลา 3 ปี เอาไว้ที่ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อบัญชีต่อธนาคาร เนื่องจากในช่วงนั้นเกิดฟองสบู่แตก และปัญหาหนี้สินของบางประเทศในสหภาพยุโรป ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและไทยเกิดความไม่มั่นใจ รัฐบาลในสมัยนั้นจึงตัดสินใจคงความคุ้มครองเอาไว้ที่ 50 ล้านบาท และจะเริ่มลดความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2558 เป็นต้นไป”
นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ สคฝ.ได้ขอให้สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกทั้งหมด 34 แห่ง ส่งแผนดูแลเงินฝากของประชาชนมาให้ สคฝ.พิจารณาในกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เพื่อรองรับผลกระทบจากการลดความคุ้มครองเงินฝาก โดยเฉพาะการชี้แจงให้ลูกค้ารายใหญ่ของสถาบันการเงินตนเองรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพราะในปัจจุบัน ฐานจำนวนผู้ฝากเงินที่มีมากกว่า 1 ล้านบาท แม้จะมีสัดส่วนเพียง 2% ของจำนวนบัญชีทั้งหมดก็ตาม แต่ลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้มีความสำคัญต่อสถาบันการเงินมาก หากตื่นตระหนกก็จะส่งผลกระทบถึงฐานะการเงินของสถาบันการเงินได้ “ล่าสุด สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกทั้ง 34 ราย ได้ส่งแผนมาให้เราพิจารณาแล้วประมาณ 10-15 ราย ส่วนที่เหลือคาดว่าภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้ จะทยอยส่งครบทั้งหมด โดยเนื้อหาของแผนจะประกอบด้วย เช่น การเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของสถาบันการเงิน การชี้แจงพบปะลูกค้าเป็นรายกรณีและการเชื่อมโยงข้อมูลของเว็บไซต์ธนาคารกับ สคฝ. เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นต้น” ส่วนลูกค้าที่มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนคิดเป็น 98% ของจำนวนบัญชีเงินฝากทั้งหมด ทาง สคฝ.ก็มีแผนที่จะชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปรับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เดินสายชี้แจงให้ลูกค้าของสถาบันการเงินทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น นายสรสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนที่มีเงินฝากกับสถาบันการเงินไม่ต้องกังวลใจกับการลดความคุ้มครองเงินฝากในครั้งนี้ เพราะที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำกับดูแลสถาบันการเงินอย่างเข้มงวด โดย ณ สิ้นปี 2557 สถาบันการเงินทั้งหมดมีกำไร 280,000 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 2.1% อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ 4.3% เงินฝากเพิ่มขึ้น 7.5% มีสภาพคล่องสูงถึง 6% มากกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 2% และมีกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือบีไอเอส 16.8% สูงกว่าที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.5% แสดงให้เห็นว่า สถาบันการเงินไทยทั้งระบบอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากและยังมีโอกาสในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์