เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 58 นางสุปรีย์ ศุภผลถาวร ตัวแทนกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N1) (N2) (N3) เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นมากว่า 20 ปีแล้ว และในปัจจุบันมีถนนและทางด่วนอื่นๆ ที่เข้ามารองรับการจราจรอยู่แล้ว อีกทั้งการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 จะทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดมากขึ้น เนื่องจากเพิ่มจุดตัดบนถนนสายหลัก นอกจากนี้ โครงการดังกล่าว สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาพบว่า หากมีการก่อสร้างในรูปแบบระบบขนส่งมวลชนระบบราง จะมีความคุ้มค่า มากกว่าการก่อสร้างทางด่วน นางสุปรีย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา การประชุมหารือที่กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดำเนินการ ไม่เชิญตัวแทนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเข้ารับฟังความคิดเห็น จึงถือว่าปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างมาก อีกทั้งการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ยังนำเสนอข้อมูลว่าประชาชนในแนวก่อสร้างทางด่วน N2 และ N3 สนับสนุนให้มีการก่อสร้างโครงการ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ดังนั้น ตัวแทนจาก
ทุกชุมชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้ร่วมหารือและจะยื่นความจำนงต่อ รมว.คมนาคม เพื่อคัดค้านโครงการ ซึ่งตนได้ยื่นหลักฐานการคัดค้านและรายชื่อผู้คัดค้าน กลุ่ม N2 และ N3 จำนวน 5 พันรายชื่อ ผ่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อยื่นให้ รมว.คมนาคม ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่กระทรวงคมนาคม โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N1 N2 N3 มีระยะทาง 42.9 กิโลเมตร เพื่อรองรับปริมาณจราจร East-West Corridoor ของกรุงเทพฯ โดยช่วง N1 ระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก บริเวณแยกบางใหญ่-แยกเกษตรศาสตร์ ระยะทาง 19.2 กม. ช่วง N2 จากแยกเกษตรศาสตร์-ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนนวมินทร์ ระยะทาง 9.2 กม. และช่วง N3 บริเวณนวมินทร์-ถนนเสรีไทย-ถนนรามคำแหง สิ้นสุดที่ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ระยะทาง 11.5 กม.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์