นายนเรศ บุญเปี่ยม รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขสมก.มียอดหนี้ค้างชำระน้ำมันเชื้อเพลิงกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,600 ล้านบาท เป็นเงินต้น 1,200 ล้านบาท ที่เหลือเป็นดอกเบี้ยค้างชำระตั้งแต่ปี 2552 ในส่วนของเงินต้นคาดว่าจะต้องรอเงินชดเชยจากรัฐบาลในโครงการรถเมล์ฟรีและบริการเชิงสังคม ซึ่งจะได้รับงบประมาณในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อนำมาชำระหนี้ในส่วนนี้ ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระจะมีการเจรจาเพื่อขอปรับลดและผ่อนชำระด้วย นายนเรศกล่าวว่า หลังจากที่ ขสมก.ชำระคืนเงินต้นแล้ว จะมีการเจรจากับ ปตท.เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนผันหรือขอปรับลดภาระดอกเบี้ยค้างจ่าย โดยจะมีการพิจารณาผลประกอบการประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า หากมีการนำรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เข้าให้บริการจะสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ทางการเงินของ ขสมก.ดีขึ้น ส่วนหนี้ดอกเบี้ยค้างชำระจะสามารถชำระคืนได้ภายในปีงบประมาณ 2559 นี้อย่างแน่นอน
นายนเรศกล่าวว่า ในส่วนของหนี้ค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ของ ขสมก.นั้น จะมีการพิจารณาจัดสรรจากเงินอุดหนุนโครงการรถเมล์ฟรีและบริการเชิงสังคม และจะต้องหาแนวทางในการชำระหนี้ในส่วนนี้ ส่วนค่าซ่อมรถเมล์ปรับอากาศทาง ขสมก.มีการชำระเงินค่าซ่อมอยู่แล้ว ด้านนางปราณี ศุกระศร รักษาการ ผอ.ขสมก. กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อรถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง 489 คัน วงเงิน 1,784.85 ล้านบาท ว่า ขสมก.จะเสนอให้บอร์ด ขสมก.ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อขออนุมัติในการลงนามกับกลุ่มบริษัทร่วมค้าเจวีซีซี ที่มีบริษัท ช.ทวีดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูล พร้อมกำหนดวันลงนามในสัญญาวันที่ 15 มิ.ย. หรือไม่เกินวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ซึ่งการลงนามในสัญญาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ สัญญาจัดซื้อรถ 489 คัน และสัญญาซ่อมบำรุงระยะ 10 ปี ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐ รูปภาพจาก : bangkokbusclub.com