“กสทช.”เล็งใช้”อี คูปอง”ใช้แลกกล่องทีวีดิจิตอล-พร้อมเร่งขยายโครงข่ายเพิ่ม
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้จัดประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่อง “แนวทางและข้อเสนอต่อโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิตอล” โดยมีนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันทน์ กรรมการ กสทช. และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ซึ่งการประชุมได้มีการพูดถึงปัญหาการเปลี่ยนผ่านการรับชมของประชาชนทั้งการแจกคูปอง เพื่อนำไปแลกกล่องเพื่อรับชมทีวีดิจิตอล (เซ็ตท็อปบ็อกซ์) ปัญหาโครงข่าย
นายฐากร กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาหลายฝ่ายได้ข้อสรุปเบื้องต้นโครงข่ายการรับชมทีวีดิจิตอล พบว่าปัจจุบันยังมีปัญหาที่สถานีหลัก 39 สถานี ยังมีความไม่เสถียร ดังนั้น กสทช.จะเร่งติดตั้งสถานีโครงข่ายเสริมอีกกว่า 70 แห่งในอีกหลายพื้นที่ เพื่อให้การรับชมมีความเสถียรมากขึ้น
ขณะที่ปัญหาการแจกคูปองพบว่าจากข้อมูลของไปรษณีย์ไทย มีปัญหาคูปองตกค้างไม่นำส่งอยู่ที่ไปรษณีย์หรือนำส่งแต่ไม่มีผู้รับประมาณร้อยละ 16 ของคูปองที่แจกจ่าย หรือประมาณ 1 ล้านใบ ซึ่งต้องมีการแก้ปัญหาต่อไป รวมทั้งการเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจกคูปองเพิ่มอีก 7 ล้านครัวเรือนสำหรับบ้านที่ไม่มีเจ้าบ้านและบ้านเช่า เพื่อขยายขอบเขตการรับชมทีวีดิจิตอล รวมถึงปัญหาที่ผู้ประกอบการผลิตกล่องเซ็ตท็อปบ็อกซ์รับคูปองไปแล้วนำมาขึ้นเงินกับ กสทช. แต่ได้รับเงินล่าช้า ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องที่จะนำไปจัดซื้อกล่องจำหน่ายใหม่
“ที่ผ่านมาการรับคูปองและเอกสารจากประชาชนต้องปฏิบัติตามระเบียบที่ กสทช.อนุมัติหลักเกณฑ์ไว้ โดยต้องมีเอกสารประกอบครบถ้วน ซึ่งอาจแก้ปัญหาด้วยระบบอี-คูปองที่ประชาชนสามารถนำบัตรประชาชนมารับกล่องและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน แต่ต้องแก้ไขหลักเกณฑ์ในที่ประชุม กสทช.ต่อไป โดยที่ประชุมยังมีการเสนอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนผ่านหลายเรื่อง เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกันทั้งระบบ” นายฐากร กล่าว
ทั้งนี้ กสทช. ได้สรุปข้อมูลการแจกคูปอง ณ วันที่ 7 มิถุนายน 2558 โดยประชาชนได้รับคูปองแล้ว 9.46 ล้านครัวเรือน หรือร้อยละ 69.74 และอยู่ที่ทำการไปรษณีย์ 4.11 ล้านฉบับ หรือร้อยละ 30.26 โดยมีการแลกคูปองไปแล้ว 5.22 ล้านใบ หรือคิดเป็นร้อยละ 38.47
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : matichon
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.