ประธานหอการค้าญี่ปุ่นมองไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน เรียกร้องเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้วยความโปร่งใส

นายอะกิระ มูราโคชิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ (เจซีซี) คนใหม่ เปิดเผยภายหลังนำคณะเข้าหารือนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า ปัจจุบันเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่เข้ามาลงทุนในไทยแต่ละปีครึ่งหนึ่งเป็นของนักลงทุนญี่ปุ่น อีกทั้งหอการค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยยังมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากหอการค้าญี่ปุ่นในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งหอการค้าญี่ปุ่นในไทยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกแซงหน้าเซี่ยงไฮ้เร็ว ๆ นี้ จึงขอให้รัฐบาลไทยเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งทางกายภาพและระบบต่างๆ ด้วยความโปร่งใส เพื่อรองรับการลงทุน ทั้งนี้ เชื่อว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของอาเซียนได้ แม้ขณะนี้เศรษฐกิจไทยจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่อีก 5-10 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยนักลงทุนญี่ปุ่นจะยังคงทำธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการและรัฐบาลไทยต่อไป

ด้าน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว โดยกระทรวงคมนาคมระบุว่าทุกโครงการจะเสร็จภายในปี 2570 อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ขนาดราง 2 ประเภท คือ ระบบรางมาตรฐานขนาด 1 เมตร จำนวน 2 ราง และขนาด 1.25 เมตร อีก 2 ราง และจะเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิตอล รวมถึงเปิดประมูลโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 4 จี ในโทรศัพท์มือถือ ส่วนกรณีนักลงทุนญี่ปุ่นกังวลเรื่องปัญหาน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมนั้น มองว่าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากภาพรวมประเทศไทยน่าจะเผชิญกับภัยแล้งมากกว่า อย่างไรก็ตาม นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก หรืออีสเทิร์นซีบอร์ด จะยังคงมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ
ขอบคุณข้อมูล จาก สำนักข่าวไทย