รมว.คมนาคม สั่งการให้ร.ฟ.ท.ต่อรอง สัญญา 3 สายสีแดง กับกลุ่ม MHSC อาจพบกันครึ่งทาง คาดไม่เกิน 31,675 ล้าน ลุ้นผลวันนี้(16 มิ.ย.) ก่อนชงครม.ขอปรับเพิ่มกรอบวงเงิน ชี้เสียเวลามามากแล้ว... เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.58 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้นโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ไปเจรจาต่อรองกับผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 ให้ได้ข้อสรุปกรอบวงเงินโดยเร็ว หลังจากกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็มเอชเอสซี คอนซอร์เทียม ซึ่งประกอบด้วยบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสเตรียล จำกัด บริษัทฮิตาชิ และบริษัท ซูมิโตโม่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ยืนยันเสนอราคาเดิม 32,850 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคากลางที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 30,500 ล้านบาท ทั้งนี้ นโยบายอาจให้เจรจาพบกันครึ่งทาง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ไม่เกินสัปดาห์หน้าจะต้องได้ข้อยุติเรื่องราคา โดยการที่เอกชนญี่ปุ่นจะยอมปรับลดาคาลงได้หรือไม่ อยู่ที่เนื้องาน เพราะเนื้องานอาจไม่ตรงกันในบางประเด็น อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลการเจรจาอีกรอบ น่าจะมีความชัดเจน ผู้สื่อข่าวรายงานจากร.ฟ.ท. ว่า วันที่ 16 มิ.ย. นี้ จะมีการเจรจาต่อรองราคากับกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็มเอชเอสซีฯ ซึ่งยังไม่สามารถสรุปตัวเลขสุดท้ายว่าจะได้ข้อยุติที่เท่าไร อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งเจรจาให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน มิ.ย. นี้ จากนั้นจะต้องสรุปเสนอบอร์ด ร.ฟ.ท. และเสนอให้ ครม. เพื่อขออนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินจากมติ ครม.เมื่อปี 52 ที่อนุมัติไว้ 27,926 ล้านบาท โดยโครงการนี้ถือว่าล่าช้ามาก โดยเฉพาะราคาข้อเสนอของเอกชนที่เสนอมาครั้งแรก 49,000 ล้านบาท มีการต่อรองเหลือ 33,000 ล้านบาท และล่าสุดลงมาที่ 32,850 บาท
ส่วน ร.ฟ.ท.นั้นกรอบวงเงิน ที่ครม.อนุมัติไว้เดิม 27,926 ล้านบาท แต่มีการปรับเพิ่มมาเป็น 30,500 ล้านบาท ดังนั้น นโยบายของ รมว.คมนาคมต้องการให้พบกันครึ่งทาง ราคาที่น่าจะตกลงได้เป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่ายคาดว่าน่าจะไม่เกิน 31,675 ล้านบาท ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า โครงการนี้เสียเวลามามากแล้ว จึงต้องการเร่งเจรจาเพื่อให้เดินหน้าโครงการได้โดยเร็ว หากสามารถสรุปเรื่องวงเงินของสัญญา3ได้ จะต้องใช้เวลาอีก 48 เดือนในการจัดหาขบวนรถที่จะนำมาวิ่งให้บริการ ดังนั้น มีความเป็นไปได้ว่า อาจต้องมีการต่อรองกับทางกลุ่มเอ็มเอชเอสซี ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์