น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2558 คณะกรรมการได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยอีก 32 ราย ซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ยื่นขออนุญาตครั้งแรก 11 ราย
ทั้งนี้การอนุญาตดังกล่าว ทำให้คนต่างด้าวต้องนำเงินเข้ามาลงทุนในการประกอบธุรกิจรวม 1,566 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทยรวม 819 คน ซึ่งธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ 1.ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม 13 ราย คิดเป็น 41% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 370 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ เป็นคนต่างด้าวจากญี่ปุ่น มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร 2.ธุรกิจบริการให้แก่ผู้ประกอบการก่อสร้างและวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 12 ราย คิดเป็น 37% มีเงินลงทุน 118 ล้านบาท เป็นบริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งก่อสร้าง ติดตั้งและทดสอบการใช้งานระบบ สำหรับโครงการวางท่อก๊าซและสถานีควบคุมแรงดันก๊าซ เป็นคนต่างด้าวจากจีน 3.ธุรกิจสำนักงานผู้แทน 4 ราย คิดเป็น 13% มีเงินลงทุน 12 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การตลาด การลงทุน ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆให้สำนักงานใหญ่ทราบ เป็นคนต่างด้าวจากเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน 4.ธุรกิจที่เป็นคู่สัญญากับภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ 2 ราย คิดเป็น 6% มีเงินลงทุน 1,060 ล้านบาท ได้แก่ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการก่อสร้างและทดสอบอุปกรณ์สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เป็นคนต่างด้าวจากญี่ปุ่น และหมู่เกาะเคย์แมน 5.ธุรกิจค้าส่ง 1 ราย คิดเป็น 3% มีเงินลงทุน 6 ล้านบาท ได้แก่ การค้าส่งผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ผลิตโดยบริษัทในเครือในต่างประเทศให้แก่ตัวแทนจำหน่าย ร้านขายยา และร้านค้าปลีกในไทย เป็นคนต่างด้าวจากเยอรมนี อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 คณะกรรมการได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในไทยแล้วจำนวน 207 ราย เพิ่มขึ้น 21 ราย หรือ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 มีเงินลงทุนรวม 8,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 633 ล้านบาท หรือ 9% และมีการจ้างงานคนไทย 4,370 คน

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by : en.aectourismthai.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.naewna.com