ดร.ยุ้ย “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการบริหาร ผู้บริหารหญิงแกร่งรักษ์โลก หลังประกาศตัวโดดเข้าธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน ล่าสุด โครงการโซลาร์ รูฟ ที่โกดัง สุขุมวิท 50 ที่ซุ่มทำมาสักพักใหญ่ก็เริ่มขายไฟฟ้าได้แล้ว ผู้ถือหุ้นรับรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SENA กล่าวในงานลงนามความร่วมมือ 3 ฝ่าย ระหว่าง SENA บริษัท ConfidanteCapital จำกัด ที่ปรึกษาทางการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และบริษัท First Solar จำกัด ผู้นำการผลิตโซล่าร์เซลล์ยักษ์ใหญ่ของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า "การประกาศความร่วมมือระหว่าง SENA กับพันธมิตรในครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ในการต่อยอดและเป็นก้าวที่สำคัญในการเข้ารุกธุรกิจโซลาร์รูฟ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และขยายฐานรายได้ให้กับบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต" ทั้งนี้ SENA และ ConfidenteCapital เจรจาร่วมทุนกันเพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ โดยได้เซ็นสัญญาตกลงกับ First Solar ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผงโซล่าร์ชั้นนำ เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดโซล่าร์รูฟ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในเรื่องที่อยู่อาศัยของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยของ SENA “SENA เป็นบริษัทมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30 ปี ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย การที่ SENA เตรียมเข้าลงทุนในธุรกิจโซลาร์ รูฟร่วมกับพันธมิตรในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากเราเป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย มีหลังคาบ้านของลูกค้าที่จะใช้ในการติดตั้งโซลาร์ รูฟ ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านของลูกค้า เพราะทำให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง จากการขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐ นอกจากนี้ เรายังมีบริการหลังการขาย 360 องศา ที่คอยให้ความช่วยเหลือลูกค้า พร้อมทั้ง SENA ยังพร้อมอำนวยความสะดวกในการหาแหล่งเงินทุนในการติดตั้งโซลาร์ รูฟ ให้ลูกค้าอีกด้วย” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว มั่นใจป้อนรายได้เข้าต่อเนื่อง ขายไฟฟ้า 750 กิโลวัตต์ ตั้งแต่ Q2/58 ผศ.ดร.เกษรา กล่าวอีกว่า การติดตั้งโซลาร์ รูฟ จะทำให้ SENA มีรายได้สม่ำเสมอเช่นเดียวกับธุรกิจเช่ารูปแบบอื่นๆ ของบริษัท ขณะที่ผู้ถือหุ้นก็จะได้ความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มทำโซลาร์ รูฟ ในโครงการอสังหาฯของบริษัท โดยในปีนี้จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายไฟฟ้าของโครงการโซลาร์ รูฟ 750 กิโลวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/2558 โดยจะมีกำไรพิเศษเข้ามาประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นการเริ่มต้นของบริษัทในแง่การกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และเพิ่มฐานรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง “ในเบื้องต้น SENA อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ พันธมิตรทั้ง2 ราย ในรูปแบบการทำ Solar Roof กับโครงการบ้านแนวราบ และโดยตรงกับลูกค้ารายย่อย ทั้งนี้ปัจจุบัน SENAมีโครงการบ้านแนวราบมาแล้วมากกว่า 100 โครงการ และมีแผนเปิดโครงการบ้านแนบราบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6 โครงการภายในปี 2558 นี้” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว Mr. Won Hee Park , Director , ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เฟิร์สโซล่าร์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “ทางเฟิร์สโซล่าร์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมศึกษาความเป็นไปได้กับบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจ ในประเทศไทย โดยเฟิร์สโซล่าร์เป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ชั้นนำของโลกด้วยเทคโนโลยีแบบฟิล์มบาง ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพบนต้นทุนพลังงานที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบบ crystalline silicon PV โดยเฟิร์สโซล่าร์เป็นผู้ให้บริการครบวงจรในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ PV (Photovoltaic) ทั้งนี้ เมื่อรวมปริมาณการผลิตทั่วโลก เฟิร์สโซล่าร์มีการกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 10 กิกะวัตต์ โดยเฟิร์สโซ่ล่าร์เป็นผู้นำของระบบพลังงานทางเลือกที่ประหยัดและคุ้มค่าสูงสุดแก่ผู้บริโภค" นายโสภณ อัศวานุชิต ผู้บริหาร ConfidanteCapital ที่ปรึกษาด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ มีความมั่นใจในการจับมือกันระหว่างพันธมิตรดังกล่าว จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SENA ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่มีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีประสบการณ์ธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ถือเป็นจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ และพันธมิตรอย่าง เฟิร์สโซล่าร์ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และถูกเลือกใช้โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกหลายบริษัท เช่น บริษัท Apple Inc และ Berkshire hatahway ของกลุ่ม Warren Buffet ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง บริหารและซ่อมบำรุงในโครงการโซล่าร์ฟาร์มโทปาซ ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งเป้ากำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ภายใน 12 เดือน มีรายได้ 30-50 ลบ. ด้านผู้บริหาร SENA ระบุเพิ่มเติมว่า ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตประมาณ 5 เมกะวัตต์(MW) ภายใน 1 ปีนับจากนี้หรือ 1,000 หลังคา โดยจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 30-50 ล้านบาท ทั้งนี้ในไตรมาส 3/58 บริษัทฯ เตรียมเปิดขายบ้าน 4 โครงการ จำนวน 150 ยูนิต ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะติดโซลาร์ รูฟ บนหลังคาหรือไม่ก็ได้ โดยราคาขายบ้านที่ติดโซลาร์ รูฟ จะเป็นราคาเดิม ไม่ได้มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3-8 ล้านบาท "บริษัทฯ จะร่วมทุนกับ Confidante เพื่อลงทุนโซลาร์ รูฟ ซึ่งบริษัทฯ มี 3 แนวทางคือ 1.สร้างบ้านที่ติดโซลาร์ รูฟ เพื่อจำหน่าย 2.ไปเจรจากับลูกค้าเดิมของบริษัทฯ เพื่อติดโซลาร์ รูฟ โดยจะเป็นลักษณะการขายแผงและติดบนหลังคาให้กับลูกค้า และดูแลรักษา และ 3. หากลูกค้าไม่อยากเป็นผู้ขายไฟก็สามารถให้เช่าหลังคากับทาง SENA เพื่อติดโซลาร์ รูฟ ซึ่งลูกค้าได้ผลตอบแทนเป็นค่าเช่า แต่ในช่วงต้นบริษัทฯ ต้องการที่จะสร้างบ้านและติดโซลาร์ รูฟ และขายขาดให้กับลูกค้า โดยลูกค้าก็ได้รับผลตอบแทนจากการขายไฟให้กับภาครัฐ จากปัจจุบันที่ได้รับแอดเดอร์ อยู่ที่ 6.85 บาทต่อหน่วย ซึ่งคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 6 ปีครึ่ง ส่วน First Solar นั้นก็เข้ามาเป็นเอ็กคลูซีฟ พาร์ทเนอร์แผงที่บริษัทฯจะนำมาใช้ในการติดตั้งโซลาร์ รูฟ และอนาคตอาจมีการร่วมลงทุนต่อไป"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว ผนึก "บี.กริม เพาเวอร์ " ลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 30-60 เมกะวัตต์ งบ 2.1 พันลบ. ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ โดยตั้งชื่อ บี.กริมเสนา ปีนี้ตั้งเป้าที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ ฟาร์ม) 30-60 เมกะวัตต์ และจะต้องขายไฟ (COD) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาต คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวม 2,100 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการการกู้สถาบันการเงิน สัดส่วน 75% และอีก 25% มาจากกระแส เงินสดของ SENA และ บี.กริม เพาเวอร์ ทั้งนี้บริษัทฯคาดมีรายได้จากการลงทุนโซลาร์ ฟาร์ม ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี งบQ2 ทรงตัว คงเป้ารายได้ปีนี้ 3 พันลบ. อย่างไรก็ดีประเมินรายได้ในไตรมาส 2/58 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 517 ล้านบาท เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ก็ยังคงชะลอตัวอยู่ แต่ยังคงเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมียอดขายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท สำหรับทั้งปีนี้บริษัทฯจะเปิดโครงการทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 5 โครงการ เหลือเปิดอีก 6 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ