นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยถึงผลการรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อป ประเภทบ้านอยู่อาศัยเพิ่มให้ครบจำนวน 100 เมกะวัตต์ หลังจาก กกพ. เปิดให้มีการรับซื้อไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ว่า สถานะภาพการยื่นคำขอขายไฟฟ้ามีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการยื่นคำขอทั้งสิ้นจำนวน 11,645 ราย คิดเป็น 93.213 เมกะวัตต์ ซึ่งเป้าหมายในการรับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 78.63 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 3,293 ราย คิดเป็น 25.386 เมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2558) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (พีอีเอ) 8,352 ราย คิดเป็น 67.827 เมกะวัตต์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558) ข้อมูลล่าสุดพบว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วทั้งสิ้น 286 ราย คิดเป็น 2.192 เมกะวัตต์ ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายจะมีการทยอยประกาศแจ้งผลผู้ผ่านการคัดเลือกให้ทราบต่อไป นายวีระพล กล่าวว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทำการรับซื้อไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีระยะเวลา 25 ปี และกำหนดให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 หากไม่มีการเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้าภายในเวลาดังกล่าวให้ถือว่าสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสิ้นสุด สำหรับอัตราการรับซื้อไฟฟ้ากำหนดให้เป็นไปตามอัตราการรับซื้อแบบ FiT ประเภทบ้านอยู่อาศัย และกำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายรับซื้อไฟฟ้าอัตรา 6.85 บาทต่อหน่วย
“โครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปนับว่าเป็นโครงการหนึ่งที่มีศักยภาพและแนวโน้มอนาคตที่ดีจะช่วยส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด ตลอดจนเป็นการพึ่งพาตัวเองระยะยาวอีกด้วย ดังนั้น กกพ. จะกำกับกระบวนการการรับซื้อให้เป็นไปตามระเบียบและประกาศที่กำหนดไว้ ปัจจุบันเพียงแค่ขอใบอนุญาตควบคุมอาคาร (อ.1) และยื่นจดแจ้งประกอบกิจการพลังงาน ทั้งนี้ ไม่ต้องยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือ รง.4 เนื่องจากได้รับการยกเว้น ซึ่งขั้นตอนการให้บริการยื่นขอใบอนุญาตต่าง ๆ ในรูปแบบ One Stop Service กกพ. จะคอยให้บริการกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกตามประกาศของการไฟฟ้าให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ COD ได้ภายในวันที่ 31 ธันวาคมนี้” นายวีระพล กล่าว.

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าวไทย