ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า มีแรงเทขายหุ้นใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน แบงก์ สื่อสาร ออกมากดดันตลาด กดดันบรรยากาศการลงทุนตลอดทั้งวัน จนดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ ส่งผลให้เกิดการแพนิกตื่นตระหนก มีแรงเทขายหุ้นทั้งตลาดออกอย่างหนัก กดดัชนีลงไปต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,422.79 จุด ลดลง 24.65 จุด ก่อนพยุงตัวมาปิดทำการที่ระดับ 1,447.44 จุด ลดลง 19.27 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 40,249.43 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 353 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,669 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยซื้อสุทธิ 1,952 ล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 70 ล้านบาท
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า มีแรงเทขายหุ้นออกมามาก เพราะคนกังวลหลังมีการปล่อยข่าวออกมาในโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า รมว.คมนาคมออกมาเปิดเผยว่า การประมูลและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภาครัฐเปิดประมูลภายในปีนี้ไม่ทัน โดยส่วนใหญ่ต้องเลื่อนไปประมูลในปีหน้า ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ที่นักลงทุนคาดหวังว่าโครงการลงทุนภาครัฐจะมาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับวันก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติ ได้มีการเทขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงดัชนีหุ้นไทย (ฟิวเจอร์) ออกมาจำนวนมาก เพื่อโยกเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นอื่น ทั้งตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และญี่ปุ่น ที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นตลาดและเศรษฐกิจออกมามาก ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงกดดันหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกลุ่ม ปตท.ที่ราคาร่วงยกกลุ่ม ขณะที่ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่ออกมา แม้จะไม่ถึงกับแย่ แต่ก็มีความกังวลกับตัวเลขหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมองว่า ณ เวลานี้ น่าจะเป็นจังหวะของการทยอยเลือกซื้อหุ้นมากกว่าตื่นตระหนกแล้วเทขายหุ้นออกมา เพื่อหวังผลในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า ที่เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์