เฟ้นหาลานบินเผื่อถูกไอซีเอโอห้าม
ทอท.ออกตัวเตรียมแผนรับมือ อู่ตะเภาเปิดอู่ให้ 20 หลุม
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการ ทอท.ว่า ทอท.ได้ทำหนังสือถึงกองทัพอากาศ กรมการบินพลเรือน และท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อขอสำรองพื้นที่จอดเครื่องบิน ไว้รองรับกรณีสายการบินจากไทยถูกห้ามบินไปต่างประเทศ หลังจากถูกปักธงแดงจากการตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ไปแล้ว รวมถึงกำลังถูกสำนักบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) ทำการตรวจกิจการการบินอยู่ โดยให้เวลาในการแก้ไข 65 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา
“การขอพื้นที่สำรองสนามบินมาใช้ ไม่ใช่หมายความว่าไทยจะถูกห้ามบิน แต่เป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายสุด ไทยอาจถูกห้ามบินและอาจต้องทำให้มีเครื่องบินบางเส้นทางที่บินไม่ได้ ต้องจอดทิ้งไว้ในประเทศจำนวนมาก ดังนั้น ทอท.จึงต้องทำแผนรับมือไว้ก่อน โดยขอจุดจอดเครื่องบินไว้เพิ่มเติม ซึ่งล่าสุดสนามบินอู่ตะเภาตอบรับแล้วว่ามีหลุมจอดไว้ให้ 20 หลุม ขณะเดียวกัน ทอท.จะมีการปรับพื้นที่บางส่วนไว้รองรับการจอดเพิ่มด้วยหากจำเป็น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเพียงพอแน่ เพราะส่วนหนึ่งหากมีการห้ามบินจริง สายการบินก็จะมีการปรับแผนการบิน นำเครื่องบินออกไปบินเส้นทางอื่นที่ไม่ถูกห้ามแทน”
ส่วนการกำกับระบบรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินเผยว่า ทอท.ยังไม่มีแผนจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9400 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ในช่วงนี้ และ ทอท.จะใช้เวลาศึกษาอย่างน้อย 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 เป็นต้นไป แต่อนาคตน่าจะมีการเปลี่ยนเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดใน 4 ปีข้างหน้า แต่จะเปลี่ยนเป็นยี่ห้อเดิมรุ่นใหม่ หรือเปลี่ยนเป็นคนละยี่ห้อขึ้นอยู่กับผลการศึกษา โดยหลักการต้องพิจารณาจากระบบรักษาความปลอดภัย ความมั่นคง และความคุ้มค่าไปด้วยกัน
ด้านนางปาริชาต คชรัตน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า กองมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนจะลงพื้นที่ตรวจสนามบิน 37 แห่งทั่วประเทศตามแผนการตรวจสนามบินประจำปี ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมการบินพลเรือน 28 แห่ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 แห่ง และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 3 แห่ง เพื่อตรวจดูการดำเนินงานว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลหรือไม่.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.