นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้เพิ่มการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร โดยเพิ่มช่องทางการชำระค่าภาษีอากรสำหรับของติดตัวที่นำเข้ามาในประเทศ ซึ่งไม่ใช่เพื่อการค้า ไม่เป็นของต้องห้าม หรือต้องมีใบอนุญาต และมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งผู้โดยสารสามารถชำระค่าภาษีอากรสำหรับของดังกล่าว (ค่าภาษีอากรปากระวาง) ด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต โดยจะสามารถเปิดให้บริการนำร่อง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันที่ 1 ก.ย.2558 และในอนาคตจะขยายช่องทางการให้บริการรับชำระนี้ ไปยังท่าอากาศยานที่เป็นสนามบินศุลกากร และด่านศุลกากรอื่นๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ต่อไป รวมทั้งขยายการให้บริการ โดยเชิญธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ครอบคลุมทุกธนาคาร รวมถึงการผ่อนปรนให้ผู้เสียภาษีสามารถแบ่งชำระเงินคืนแก่ธนาคารเจ้าของบัตรเป็นงวดๆได้ด้วย
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นกรมศุลกากรได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง เพื่อเปิดให้บริการรับชำระค่าภาษีอากรปากระวาง ด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเดบิต/เครดิต) กับนางสาวอาริศรา ธรมธัช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจภาครัฐ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากรกับธนาคารพาณิชย์จะเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มช่องทางการชำระค่าภาษีอากรปากระวางให้ผู้โดยสารที่มีเงินสดติดตัวไม่เพียงพอหรือมีความประสงค์จะเลือกชำระค่าภาษีอากรปากระวางด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถชำระค่าภาษีอากรปากระวางด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต โดยผู้ใช้บริการจะเสียค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเดบิตต่างธนาคารหรือบัตรเครดิตในอัตรา 1% ของยอดเงินที่ชำระ ซึ่งจริงๆแล้วแนวทางนี้ทางกรมศุลกากรได้เริ่มมา 2-3 ปีแล้วแต่ไม่สำเร็จ ทั้งที่เป็นการลดภาระให้ผู้โดยสารในการถือเงินสดได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์