นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ และไม่สามารถชำระหนี้ได้ ด้วยการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้วยการยืดระยะเวลาการชำระเงินต้นออกไป 12-24 เดือน ให้ลูกค้าจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ทั้งนี้ การเข้าไปช่วยเหลือลูกค้า จะมีการพิจารณาเป็นรายๆไป ว่าแต่ละรายว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นจากก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 80% แต่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 89% ทำให้ยอดการอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ 35-40% จากเดิมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 70%
“แม้ว่าในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีลูกค้าไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดได้ แต่ธนาคารยังมีหลักประกันที่ยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ขณะที่สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันหรือแอลทีวีอยู่ที่ 60-80% โดยเชื่อว่าการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดทำให้ธนาคารสามารถคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ 2.1-2.2% จนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งถือว่าอยู่ระดับต่ำหากเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมในตลาดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 4% แต่ธนาคารอาจตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากหนี้ที่ยังไม่ฟื้นตัว จากปัจจุบันที่ตั้งสำรองเดือนละประมาณ 50 ล้านบาท” นางศศิธร กล่าวว่า สำหรับการปล่อยสินเชื่อปีนี้เติบโต 15-20% แม้สถานการณ์ของเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรกจะชะลอตัว แต่สินเชื่อเติบโตถึง 10% เนื่องจากธนาคารได้ปรับกลยุทธ์ในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยการเน้นปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยมีสัดส่วน 56% สินเชื่อรายย่อยเพื่อที่อยู่อาศัย 25% และสินเชื่อเอสเอ็มอี 19% สำหรับช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังเจอปัจจัยท้าทายหลายด้าน ทั้งภาคการส่งออกที่ไม่ฟื้นตัว ขณะที่ความเชื่อมั่นการลงทุนภาคเอกชนลดลงเห็นได้จากบริษัทข้ามชาติได้ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนการหาพันธมิตรร่วมทุนเพื่อเข้ามาขยายธุรกิจและให้การเติบโตของธนาคารมั่นคงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนประมาณ 3 ราย และยังมีนักลงทุนที่ขอเข้ามาเจรจาอีก 3 ราย.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์