กระทรวงการคลังเผยตอนนี้ยังไม่มีบริษัทข้ามชาติรายใหม่เข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย คงมีแต่บริษัทข้ามชาติรายเดิมที่ยื่นขอปรับสิทธิประโยชน์ใหม่ที่ให้มากขึ้น ยังคาดหวังจะมีจำนวนบริษัทเข้ามาจัดตั้งรวม 400 บริษัท สร้างรายได้รัฐบาลเพิ่ม 15,000 ล้านบาท รอประเมินผลใหม่ในอีก 1 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากกระทรวงการคลังว่า หลังกระทรวงการคลังออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการตั้งสำนักงานข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center : ITC) โดยได้มีการปรับแก้กฎหมายประมวลรัษฎากร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่พบว่ามีบริษัทข้ามชาติรายใหม่ได้ขอเข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย แต่พบว่ามีบริษัทข้ามชาติที่ได้เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค หรือ Regional Operating Headquarters (ROH) ได้ขอปรับโอนสิทธิประโยชน์จาก ROH มาเป็น IHQ เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าการออกมาตรการ IHQ จะช่วยให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยได้มากน้อยเพียงใด เพราะยังเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่กระทรวงการคลังออกมาตรการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประเมินประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาในการพิจารณาของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกนี้พบว่ามีบริษัทข้ามชาติได้ขอย้ายโอนสิทธิจากที่เคยได้จาก ROH มาอยู่ใน IHQ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทข้ามชาติที่ได้รับสิทธิ ROH อยู่ประมาณ 120 บริษัท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเดินทางไปพบปะนักลงทุนต่างชาติ (โรดโชว์) ที่ประเทศอังกฤษเมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้กล่าวเชิญชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศในไทย โดยได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้ออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวแล้ว ดังนั้นการออกมาตรการดังกล่าว จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรในการตัดสินใจเข้าลงทุนจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศในไทย อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการดังกล่าวเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามชาติในไทย โดยกระทรวงการคลังประเมินว่าจะมีจำนวนบริษัทข้ามชาติมาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย 400 บริษัท และคาดว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 15,000 ล้านบาทต่อปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาเคยมีบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาและพบว่ามีบริษัทข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงนักลงทุนไทยไปจดทะเบียนลงทุนจัดตั้งบริษัทข้ามชาติที่ประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียจำนวนมาก โดยมีถึง 1,600 บริษัทในสิงคโปร์ และประมาณ 800 บริษัทในมาเลเซีย ถ้าไทยสามารถดึงดูดนักลงทุนเหล่านี้มาตั้งสำนักงานใหญ่ในไทยได้ เราก็คงมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ยังประเมินว่า จะมีรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่ได้ไปจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามชาติยังประเทศสิงคโปร์หรือมาเลเซียกำลังพิจารณาที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ดังกล่าวมาอยู่ในประเทศไทยหลังจากที่ไทยออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนดังกล่าว ทั้งนี้ สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ หมายถึงบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านการบริหารหรือด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน หรือการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือหรือสาขาของตน ไม่ว่าวิสาหกิจในเครือหรือสาขานั้นจะตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ และหมายรวมถึงบริษัทการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศด้วย
สำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุน IHQ คือ 1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เป็นระยะเวลา 15 ปี สำหรับรายได้จากการให้บริการเงินปันผล ค่าสิทธิ รายได้จากการโอนหุ้นที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ และรายได้จากการซื้อและขายสินค้า Out-Out รวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่นิติบุคคลต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก IHQ 2.ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้จากการให้บริการวิสาหกิจในเครือในประเทศเหลือ 10% เป็นระยะเวลา 15 ปี 3.ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้คนต่างด้าวได้รับจากการทำงานใน IHQ เหลือ 15% เป็นระยะเวลา 15 ปี 4.ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับดอกเบี้ยที่ IHQ ได้รับจากธุรกรรมการกู้ยืมในเครือ ส่วนมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง ITC คือ 1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 15 ปี จากรายได้การซื้อและขายสินค้า Out-Out, เงินปันผลที่นิติบุคคลต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก IHQ 2.ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานใน IHQ เหลือ 15% เป็นระยะเวลา 15 ปี.

ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์