“คิง เพาเวอร์” รุกซื้ออาร์เอสถือหุ้น 9%
เห็นศักยภาพช่อง 8-ทีวีดาวเทียม จับมือพันธมิตร “เชษฐโชติศักดิ์”
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มคิง เพาเวอร์ได้ซื้อหุ้นบิ๊กลอตของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จากตระกูลเชษฐโชติศักดิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ จำนวน 79 ล้านหุ้น และนายเชษฐ เชษฐโชติศักดิ์ อีกจำนวน 15 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดเป็น 94 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 940 ล้านบาท ส่งผลให้ “กลุ่มคิง เพาเวอร์” กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นอาร์เอส ขณะที่ “ตระกูลเชษฐโชติศักดิ์” ยังคงเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานของบริษัท เนื่องด้วยกลุ่มคิง เพาเวอร์มีนโยบายเข้าลงทุนในฐานะผู้ลงทุนเพื่อรอรับผลตอบแทน (Passive Investor) เท่านั้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่กลุ่มคิง เพาเวอร์ ตัดสินใจลงทุนในหุ้นอาร์เอส เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพในการต่อยอดความสำเร็จจากธุรกิจสื่อไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มคิง เพาเวอร์ เป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาร์เอส และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นศักยภาพของบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของช่อง 8 ดิจิตอลทีวี ที่ทำกำไรตั้งแต่ปีแรก ขณะที่ด้านเรตติ้งเติบโตรวดเร็วติดอันดับ 4 ของประเทศ รวมทั้งยังเป็นเจ้าของช่องดาวเทียมที่ประสบความสำเร็จอีกถึง 4 ช่อง ได้แก่ ช่อง 2, สบายดีทีวี, ยู แชนแนล และเพลินทีวี
อีกทั้งอาร์เอสจัดเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด มีจ่ายปันผลต่อเนื่อง และมีสุขภาพทางการเงินแข็งแรงด้วย ทั้งนี้บิ๊กลอตดังกล่าวมีราคาเฉลี่ยที่ 10 บาท ต่ำกว่าราคากระดานที่ล่าสุดปิดการซื้อขายที่ 11.90 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) RS พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่บทวิเคราะห์ ฟิลลิป ระบุว่า ด้วยศักยภาพของอาร์เอสที่มีเรตติ้งอันดับ 4 ของทีวีดิจิตอล จะสามารถดึงเม็ดเงินโฆษณากลับมาได้ แม้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทำให้ในครึ่งปีแรกยังคงมีขาดทุนสุทธิอยู่ แต่คงคำแนะนำ “ซื้อ”.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.