พลัส พร็อพเพอร์ตี้ วิเคราะห์ตลาดคอนโดฯ กรุงเทพฯ ครึ่งปีแรก ราคาเฉลี่ยโครงการใหม่เพิ่มขึ้น35% กรุงเทพฯ ชั้นกลางคว้าแชมป์ขายดีสุด
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ครึ่งปีแรก พบโครงการเปิดตัวน้อยลง 21% แต่ราคาเฉลี่ยโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 35% เนื่องจากผู้ประกอบการหันมาเปิดโครงการระดับราคาปานกลางถึงสูงมากขึ้น
สำหรับ ใกล้เคียงกับครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาที่ 60% ส่วนครึ่งปีหลังมองแนวโน้มคอนโดฯ ไม่หวือหวา แต่คอนโดหรูราคาสูงยังคึกคักตามกำลังซื้อลูกค้าระดับบนที่ยังดีต่อเนื่อง
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก (2558) ที่ผ่านมาในกรุงเทพฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ทั้งสิ้น 44 โครงการ จำนวน 20,052 ยูนิต ลดลง 21% จากครึ่งปีหลังของปี 2557 ที่มีการเปิดตัว 56 โครงการ จำนวน 22,491 ยูนิต โดยอุปสงค์ของครึ่งปีแรกอยู่ที่ 12,165 ยูนิต หรือคิดเป็นอัตราการขายที่ 61% ด้านราคาเฉลี่ยของโครงการเปิดใหม่ปรับเพิ่มขึ้น 35% จาก 97,000 บาท/ตารางเมตร มาเป็น 131,000 บาท/ตารางเมตร โดย ช่วงราคาขายที่ 100,000-200,000 บาทต่อตารางเมตร มีอัตราการขายดีที่สุดถึง 84% รองลงมาคือมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร มีอัตราการขายที่ 60% ส่วนระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร มีอัตราการขายน้อยที่สุดที่ 49%
หากพิจารณาแบ่งตามพื้นที่ในแต่ละโซน พบ โซนกรุงเทพฯ ชั้นกลาง เช่น พระโขนง-อ่อนนุช (ตอนต้น), รัชดา-ลาดพร้าว และจตุจักร-บางซื่อ ขายดีที่สุด ด้วยอัตราการขายสูงถึง 87% เนื่องจากเดินทางสะดวกมีรถไฟฟ้า/รถไฟใต้ดินพาดผ่าน ที่สำคัญราคาไม่สูงมากเหมือนโซนกรุงเทพฯชั้นใน มีตลาดเช่ารองรับอัตราผลตอบแทนจากการเช่าสูงกว่าโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ฐานลูกค้าไม่จำกัดเพราะมีทั้งลูกค้าที่ใช้เงินสดและเงินกู้ซื้อ เป็นผู้มีรายได้และมีศักยภาพในการชำระหนี้ทำให้สถาบันทางการเงินยังคงสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้อย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน ได้แก่ พระราม 4-สีลม-สาทร, ราชเทวี-พญาไท, อโศก-เพชรบุรี และสุขุมวิทตอนต้น มีอัตราการขายที่ 60% ส่วนโซนกรุงเทพฯ ชั้นนอก เช่น บางนา ธนบุรี และ ดอนเมือง-มีนบุรี มีอัตราการขายที่ 46%
“แนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมครึ่งปีหลัง คาดว่ายังคงไปได้แต่ไม่หวือหวา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม โครงการระดับราคาสูงน่าจะขายดีที่สุด เนื่องจากลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการลงทุนระยะยาวและซื้อไว้เพื่อเป็นมรดก รวมถึงโครงการที่อยู่ในโซนนี้เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีความต้องการของการอยู่อาศัยจริงและการซื้อเก็บไว้ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือการออกแบบโครงการต้องสอดคล้องกับความต้องการในแต่ละโซน เพราะโซนที่เป็นที่นิยมของการเช่าและโครงการที่เป็นที่นิยมของเจ้าของอยู่อาศัยเองจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ถ้าผู้ประกอบการทำโครงการออกมาตอบโจทย์ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะประสบความสำเร็จ” นายภูมิภักดิ์กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.plus.co.th ขอบคุณรูปภาพจาก : www.thinsiam.com