นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไปสายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) บสย.เผยหนีเสียเพิ่มขึ้น จาก 5% เป็น 7% ผลจาก ศก.ชะลอตัว ยันยังอยู่ระดับไม่น่าห่วง พร้อมยกธงขาวไม่สามารถค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ถึงแสนล้านตามเป้า ก.คลัง แต่จะพยายามดันให้ถึง 7 หมื่นล. เน้นพยุงรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไปสายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ตัวเลขภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPG)ของ บสย. เพิ่มขึ้นจากประมาณ 5% เมื่อปีที่แล้ว (2557) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7% ในปัจจุบัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าว แม้จะเพิ่มแต่ยังเป็นอัตราที่ไม่น่ากังวล "ผมอยากให้เรามองว่า เศรษฐกิจในเวลานี้ เราจำเป็นต้องช่วยเหลือ SMEs ที่กำลังประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียนอย่างหนัก ซึ่งการเข้าไปช่วยค้ำประกัน 100 ราย แต่เกิดมี 20 ราย กลายเป็นหนี้เสีย แต่อีก 80 รายรอด ประโยชน์ก็ยังเกิดขึ้นมากกว่า ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจโดยรวมให้ขับเคลื่อนไปได้ และอัตราหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ก็ยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้" นายวิเชษฐ ระบุ
ทั้งนี้ ในด้านการค้่ำประกันสินเชื่อให้แก่ SMEs ในช่วงครึ่งปีแรกของ บสย. นั้น อยู่ที่ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ส่วนเป้าหมายตามนโยบายของกระทรวงการคลัง ที่ปรับเป้าการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ให้ถึง 1 แสนล้านบาทนั้น ยอมรับว่า คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่จะพยายามผลักดันยอดไปให้ถึง 7 หมื่นล้านบาท นายวิเชษฐ เผยด้วยว่า สำหรับแผนการดำเนินการของ บสย. ในครึ่งปีหลัง จะให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านกิจกรรมทุกรูปแบบ แม้จำนวนมูลค่ายอดเงินค้ำประกันอาจจะไม่สูง แต่ขอให้มีจำนวนลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ๆ ที่ได้เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าอย่างน้อยไปถึง 2.7 หมื่นรายขึ้นไป สำหรับยอดค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ของ บสย. ระหว่าง 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2558 วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 41,921 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% (เทียบกับปี 2557 มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 26,052 ล้านบาท) ขณะที่มีผู้ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อเท่ากับ 24,571ราย เพิ่มขึ้น 137% (เทียบกับปี 2557 มีผู้ค้ำประกันสินเชื่อจำนวน 10,371 ราย) ขอขอบคุณข้อมูลจาก ASTVMANAGER