ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : ไทยรัฐออนไลน์

SPCG พบนักลงทุนโชว์ กำไรไตรมาส 2 มีรายได้ 1,171 ล้านบาท ฟันกำไรเพิ่มจากไตรมาสแรก 683 ล้านบาท คาดผลประกอบการทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศทั้งญี่ปุ่นและเมียนมาไปได้สวย... มีรายงานว่า เมื่อเร็วนี้ ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) จัดงาน "บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน หรือ Opportunity Day" ของบริษัท เอสพีซีจี พร้อมนำเสนอผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2558
น.ส.วันดี อธิบายประโยชน์พลังงานแสงอาทิตย์

โดย น.ส.วันดี กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/2558 ว่า บริษัทมีรายได้ 1,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/2558 ที่มีรายได้ 1,142 ล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 2/2258 อยู่ที่ 683 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 660 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการรวมทั้งปีจะได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรับรู้การผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 260 เมกะวัตต์เต็มปี ขณะที่วางเป้าหมาย จะมีกำลังการผลิตแตะ 500 เมกะวัตต์ในปี 2562 จาก ณ สิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 280-290 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งหมด 3 โครงการรวม 130 เมกะวัตต์ จะเริ่มผลิตไฟฟ้าในไตรมาส 3 คาดว่า จะสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ในไตรมาส 4 ในปี 2559 และจะทยอยรับรู้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 40% จากรายได้รวม อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับแผนการสร้างโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ ที่ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นฝ่ายละ 50% จากเดิมที่จะตั้งใน จ.นนทบุรี ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 10 เมกะวัตต์ เปลี่ยนเป็นการตั้งโรงงานใน จ.นครราชสีมา ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่า และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100 เมกะวัตต์คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตได้ในช่วงต้นปี 2559 ด้วยงบลงทุนราว 500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมกะวัตต์ในระยะเวลา 3 ปี เพื่อรองรับการขยายตลาดในประเทศ และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) น.ส.วันดี กล่าวว่า โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) บริษัทได้ร่วมมือกับโฮมโปรเป็นผู้แทนจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ และล่าสุดบริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) โดยจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ทั้งในโครงการเก่าและใหม่ของควอลิตี้ เฮ้าส์ ที่เปิดตัวใหม่เฉลี่ยปีละประมาณ 1,500 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 5% ทั้งนี้การติดแผงโซลาร์เซลล์ สำหรับหลังคาบ้านจะมีกำลังการผลิตราว 2-10 กิโลวัตต์ และภายในปี 2558 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์อยู่ที่ 500 ล้านบาท "บริษัทยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศเมียนมา เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 เมกะวัตต์ ในเมืองมัณฑะเลย์ โดยบริษัทเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมราว 100 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ในช่วงต้นปี 2559 นอกจากนั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อ 2-3 ราย ซึ่งคาดว่าจะมีกำลังการผลิตราย 30-40 เมกะวัตต์" น.ส.วันดีกล่าว