ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :

จับตาตลาดนักท่องเที่ยวจีน หลังเหตุระเบิดสี่แยกราชประสงค์ พบยกเลิกทัวร์เล็กน้อย 10-30% แต่เซียนตลาดทัวร์จีนยังมั่นใจกระทบระยะสั้น พร้อมเชื่อปริมาณนักท่องเที่ยวจีน 7.24 ล้านคน และเป้าหมายดูดเงินคนจีนกว่า 2 แสนล้านบาท ไม่พลาดเป้าแน่ ! แนะกลับสัญญาณอันตรายกว่าคือ “ค่าเงินหยวนที่ตกลง” จากเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีเสียชีวิต 20 ราย และผู้บาดเจ็บทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 130 ราย...ที่สำคัญมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตในครั้งนี้ประมาณ 5 ราย จากนั้นก็มีการโยงไปถึงสาเหตุต่างๆ นานาของการระเบิดครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือ การสันนิษฐานถึงสาเหตุว่า กลุ่มผู้ก่อการมุ่งเป้าหมายหลักคือ “นักท่องเที่ยวจีน” โดยที่ยังไม่เป็นที่สรุปถึงสาเหตุการวางระเบิดครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลียงไม่ได้ ขณะที่ “นักท่องเที่ยวจีน” ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ติดอันดับท็อปไฟว์และมีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่เข้ามาช่วยพยุงภาคการท่องเที่ยวของไทยที่เผชิญกับบัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

ทั้งนี้ จากตัวเลขสถิติของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยระหว่างปี 2552-2557 พบว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยปี 2552 มีจำนวน 777,508 คน คิดเป็นสัดส่วน 5.49% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย ส่วนปี 2553 เพิ่มเป็น 1,122,219 คน สัดส่วน 7.04% เติบโต 44.34% ขณะที่ปี 2554 มีจำนวน 1,721,247 คน คิดเป็นสัดส่วน 8.95% เติบโต 53.38% ปี 2555 มีจำนวน 2,786,860 คน คิดเป็นสัดส่วน 12.47% เติบโต 61.91% และปี 2556 มีจำนวน 4,637,335 คน สัดส่วน 17.47% เติบโต 66.40% โดยมีเพียงปี 2557 ปีเดียวเท่านั้นที่ต่ำลง แต่ก็ไม่ได้ตกลงมากนักเพียงแค่ -0.02% เท่านั้นเอง คิดเป็นจำนวน 4,636,298 คน เนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ล่าสุด ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยแล้วประมาณ 4,006,5984 คน ซึ่งก็เกือบจะเท่ากับตัวเลขปีที่แล้วทั้งปี แต่เมื่อเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้นมาจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายดังกล่าวอย่างไรหรือไม่ ? จึงเป็นเรื่องน่าติดตามยิ่งนัก !
นาย เกา เยี่ยนผิง วัย 50 ปี จากมณฑลเจียงซี เศร้าโศกเสียใจจนควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ ระหว่างมารับศพภรรยาและลูกสาว ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ ผ่านมา [แฟ้มภาพ - เอพี]

*** เป้าหมายทัวร์จีน 7.24 ล้านคน...ฤาจะสั่นคลอน ? *** ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ทิศทางของตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่เหลือของปี 2558 ว่าน่าจะยังเติบโตได้อีกมากโดยพิจารณาจากภาพรวมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2558 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตในอัตราที่เร่งตัวขึ้นถึง 113.9% คิดเป็นจำนวนสูงถึง 4.78 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและสูงกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยตลอดทั้งปี 2557 ที่มีจำนวน 4.63 ล้านคน จึงคาดว่าตลอดทั้งปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 7.24 ล้านคน เติบโตขึ้นประมาณ 56.1% เมื่อเทียบกับที่หดตัว 0.02% ในปี 2557
เจ้าหน้าที่และตำรวจกำลังเก็บกวาดบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณหลังจากเหตุระเบิด [แฟ้มภาพ - เอพี]

*** กรุ๊ปทัวร์จีน ยังมั่นใจเมืองไทย...ยกเลิกทริปเพียง 10-30% *** นายเกษียร วัฒนเชาวน์พิสุทธิ รักษาการ นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน (TCTA) มองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปรกติที่มีความอ่อนไหวและสร้างความหวาดกลัวให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนบางส่วนจนมีการเลื่อนและยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วประมาณ 10-30% แต่ยังไม่ชัดเจนมากนักเพราะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ โดยขณะนี้กรุ๊ปทัวร์จีนส่วนใหญ่ยังคงเฝ้าติดตามข่าวและสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เขาย้ำด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า “จงใจ” หรือมุ่งเป้าประสงค์ที่ “กลุ่มนักท่องเที่ยวจีน” เป็นหลัก จึงไม่ได้เป็นเหตุผลให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนหวาดวิตกมากนักต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่มีผลโดยรวมต่อความกังวลเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาเท่านั้น “สมาคมฯ ประเมินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบเพียงระยะสั้นๆ เพราะประเทศไทยยังถือเป็นตลาดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ประชาชนคนไทยและรัฐบาลควรเร่งดำเนินการคือการสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือในความปลอดภัยทางชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย”

*** มั่นใจตัวเลขตามเป้า...ทั้งจำนวนและรายได้ 2 แสนล้านบาท *** นายเกษียร กล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มมีความนิยมเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่ปี 2551 ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแต่ละปีประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวและก่อให้เกิดรายได้เป็นจำนวนมาก ล่าสุดในปี 2557 มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 4.6 ล้านคน สามารถทำรายได้ให้ประเทศประมาณ 1.7 แสนล้านบาท จึงคาดว่าในปี 2558 จะยังคงมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน พร้อมสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท เนื่องจากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วประมาณ 4 ล้านคน สอดคล้องกับความเห็นของ นายศิษฏิวัชร ชีวรัตนพร ที่ปรึกษาสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) ซึ่งยังคงมั่นใจว่า ปี 2558 จะยังคงมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคน พร้อมทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท เพราะช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนแล้วกว่า 4 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละประมาณ 6 แสนคน เขาบอกว่า จริงอยู่ที่เหตุการณ์ครั้งนี้มีความรุนแรงมาก แต่รัฐบาลจีนก็ยังไม่ประกาศเตือนภัยประชาชนในการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตรงข้ามกับไต้หวันและฮ่องกงที่เตือนภัยระดับสูงสุดแล้ว จึงทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังคงมีการเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมีการเลื่อนและยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศไทยมากเพียงใด แต่คาดว่าน่าจะมีเพียงประมาณ 10% เท่านั้น “กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดที่มีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนไหว เพราะมีความสะดวกเรื่องระยะเวลาการเดินทางเพียง 3-4 ชั่วโมง จึงทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ แต่ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัยก็สามารถยกเลิก หรือเลื่อนการเดินทางได้ไม่ยากนัก” *** ไม่เชื่อมุ่งเป้า “ทัวร์จีน”...คาดตลาดฟื้นกลับใน 2 เดือน *** นายศิษฏิวัชร ให้ความเห็นด้วยว่า ในส่วนของกระแสข่าวที่ออกมาว่ามีเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวจีนเป็นเพียงการ “ก่อกวน” และ “สร้างสถานการณ์” เท่านั้น เพราะจุดมุ่งหมายหลักจริงๆ คือการทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศซึ่งถือว่ามีผลกระทบรุนแรงมากกว่า ประการสำคัญเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “กลุ่มมุสลิมอุยกูร์” ที่ต้องการ “ปองร้าย” กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะยังไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักอย่างชัดเจน เพียงแต่จุดที่เกิดเหตุเป็นสถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากนิยมเดินทางไปสักการะองค์ท้าวมหาพรหมเช่นเดียวกับชาวไทยนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เท่านั้น เขากล่าวด้วยว่า สถานการณ์ครั้งนี้อาจมีผลกระทบต่อจิตใจนักท่องเที่ยวจีนบ้าง เพราะสื่อต่างๆ มีการเผยแพร่ภาพและข้อมูลที่ค่อนข้างน่ากลัว แต่คาดว่าจะมีผลกระทบเพียงระยะสั้นๆ ประมาณ 1-2 เดือนเท่านั้น โดยสถานการณ์การท่องเที่ยวน่าจะฟื้นกลับคืนมาตั้งแต่เทศกาลวันชาติจีนในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางออกนอกประเทศ “แนวทางสำคัญที่จะช่วยทำให้นักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่นๆ มีความเชื่อมั่นในสถานการณ์ของประเทศไทยคือ ความร่วมมือของคนไทยทุกคนในการทำหน้าที่และยกระดับคุณภาพความเป็นเจ้าบ้านที่ดีขึ้น พร้อมช่วยกันสอดส่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติเสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ขณะเดียวกันในส่วนของรัฐบาลแม้จะได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วทั้งในแง่การให้ความช่วยเหลือและการอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ก็ควรถือเป็นบทเรียนในการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการความปลอดภัยและความมั่นคงของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย เพื่อเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว”
*** “ค่าเงินหยวน”...ระเบิดลูกสำคัญกระทบท่องเที่ยวไทย *** ขณะที่หลายฝ่ายต่างวิตกต่อเหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนนั้น ในความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ ! เพราะก่อนหน้านั้นมี “สัญญาณอันตราย” เตือนภัยออกมาก่อนแล้วคือ “ค่าเงินหยวน” ที่มีผลต่อการการปรับตัวของตลาดหุ้นจีน ล่าสุด เมื่อพิจารณาค่าเงินหยวน ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2558 อยู่ที่ 5.49 บาท เทียบกับค่าเฉลี่ยของเงินหยวนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ที่ประมาณ 5.23 บาท สะท้อนได้ว่าค่าเงินบาทยังอ่อนตัวเมื่อเทียบกับค่าเงินหยวนในช่วงต้นปี ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีความต้องการพึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวจากจีนอย่างมากเพื่อเป็นการทดแทนตลาดอื่นที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจภายในจีนกลับเริ่มมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวมากขึ้น ซึ่งแม้ว่า ณ ขณะนี้ยังประเมินว่าการอ่อนค่าของเงินหยวนในระดับไม่เกินร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งแม้จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนมากนัก แต่ยังคงต้องจับตาว่าหากตัวเลขเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้าออกมาในทิศทางที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดหมาย ย่อมอาจส่งผลกดดันต่อค่าเงินหยวนของจีนให้อ่อนค่าลงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจกระทบต่ออำนาจซื้อของตลาดนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องมาสู่การเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนมายังประเทศไทยอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ประเด็นนี้ต่างหากที่ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องต้องติดตามสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างใกล้ชิด !