“โตโต้” เปิดกลยุทธ์การตลาด 3 สเต็ป “Big Project-Sale Networks-Contact Points” 
ปูพรมบุกต่างประเทศ วางเป้าปี 2560 กวาดยอดขายทั่วโลก 6.5 แสนล้านเยน ขึ้นแท่นบริษัทระดับโลก พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในประเทศไทยด้วยการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย 
ผุดโชว์รูมต่างจังหวัด โฆษณาเจาะตรงลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์

มร.ฮิโรโมโต ฮาราโนะ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ บริษัท โตโต้กรุ๊ป (TOTO) ผู้ผลิตสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัท โตโต้กรุ๊ป
มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น และในปี 2560 เป็นปีที่บริษัทจะดำเนินธุรกิจครบ 100 ปี ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 6.5 แสนล้านเยน ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นยอดขายจากตลาดต่างประเทศประมาณ 1.58 แสนล้านเยน และก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลกอย่างแท้จริง โดยผลิตภัณฑ์ของโตโต้ที่จะวางจำหน่าย
ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพสูงและประหยัดน้ำ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายสินค้าที่เป็นรุ่นประหยัดน้ำเพิ่มขึ้น 80% ในปี 2560

ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์สำหรับขยายตลาดต่างประเทศ 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1. การเข้าถึงโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการระดับ 5 ดาว (Big Project) ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของโตโต้ได้รับเลือก
ในการนำไปใช้ในโรงแรมหรูทั่วโลก อาทิ โรงแรม The Kitano New York โรงแรม Schloss Elmau เยอรมนี รวมถึงโรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ 2. การสร้างและเพิ่มเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่าย (Sale Networks) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากยิ่งขึ้น และ 
3. การเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสแบรนด์หรือรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ได้โดยตรงผ่านโชว์รูม
โตโต้ (Contact Points) “ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิต 15 แห่ง ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ไต้หวัน เวียดนาม ไทย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานขาย 34 แห่ง ใน 18 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการที่บริษัทมีแบรนด์สินค้าเพียงแบรนด์เดียว คือ โตโต้ การทำตลาดจึงไม่กระจายไปหลายแบรนด์ โดยเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านโครงการโรงแรมและสนามบิน ด้วยการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ด้าน อสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มจากอินเดีย ยุโรป และตะวันออกกลาง การเพิ่มตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย เวียดนาม และเกาหลี และสร้างจุดรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐ จีน ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ส่วนตลาดในประเทศไทยได้มีการวางเป้าหมายถึงปี 2560 จะผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 20% โดยเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์และการโฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมาย มั่นใจว่าในอนาคตรายได้หลักของบริษัทจะมาจากตลาดต่างประเทศ ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน Big 4 Market ซึ่งประกอบด้วย อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ที่ โตโต้ได้มีการลงทุนสร้างโรงงานเพื่อเป็นฐานการผลิตและมีสำนักงานขายอยู่ในประเทศเดียวกัน ช่วยลดปัญหาด้านการขนส่งและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยมองว่าตลาดในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนหรือไฮเอนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานมากกว่าแค่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว โดยบริษัทจะใช้ฝารองนั่งอัตโนมัติ Washlet เป็นเรือธงในการสร้างยอดขายผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์และการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต รวมทั้งมีแผนลงทุนสร้างโชว์รูมแสดงสินค้าในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ตลอดจนการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก” พร้อมกันนี้ มร.ฮิโรโมโต ยังเปิดเผยถึงการลงทุนล่าสุดของโตโต้ในประเทศไทย ว่า ได้มีการสร้างโรงงานผลิตสินค้าที่จังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ปี 2555 เพื่อผลิตสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และก๊อกน้ำ จำหน่ายทั้งภายในประเทศและส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา โดยสินค้าที่วางจำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่มีระบบชำระล้าง 360 องศาด้วยเทคโนโลยี TORNADO ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจากโตโต้ สุขภัณฑ์ไร้ขอบ เทคโนโลยีเคลือบสารพิเศษที่เรียกว่า CeFiONtect ทำให้สิ่งสกปรกไม่สามารถเกาะติดพื้นผิวสุขภัณฑ์หรืออ่างล้างหน้าได้ รวมไปถึงฝารองนั่งอัตโนมัติ Washlet ด้วยระบบก้านฉีดชำระอัตโนมัติและปรับอุณหภูมิน้ำได้ ซึ่งปัจจุบัน Washlet 
มียอดจำหน่ายทั่วโลกแล้วกว่า 40 ล้านชิ้น