รัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ได้จัดประชุมครั้งที่ 33 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยฝ่ายไทย มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน ได้หารือระดับทวิภาคี กับทาง สปป.ลาว เมียนมา มาเลเซีย และจีน ด้วย พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า ขอขอบคุณมาเลเซียในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้ และมาเลเซีย และไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับ สปป.ลาวและสิงคโปร์ ในโครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าในอาเซียน ภายใต้โครงการ LTMS ส่วน เมียนมา ได้ขอให้ไทยช่วยเหลือเรื่องการปรับปรุง หรือการสร้างโรงกลั่นน้ำมันและขอให้ไทยยืนยันโครงการก่อสร้างสถานีนำเข้าแอลเอ็นจีชั่วคราว (เอฟเอสอาร์ยู) สำหรับก๊าซแอลเอ็นจีที่นิคมอุตสาหกรรมทวาย ขนาด 3 ล้านตัน ซึ่งไทยได้ยืนยันว่า มีความพร้อมเพื่อสร้างความมั่นคงแก่ทั้งสองประเทศ ด้านนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าจีนได้ย้ำความพร้อมในการเป็นศูนย์การวางระบบซื้อขายไฟฟ้า (Region Power Sector) สำหรับโครงการแลกเปลี่ยนซื้อขายไฟฟ้าในอาเซียน และจีน ในขณะที่ไทยก็พร้อมจะเป็นศูนย์กลางนี้เช่นกัน ซึ่งคงต้องให้อาเซียนตัดสินใจในอนาคตว่าจะให้ประเทศใดเป็นผู้ตั้งศูนย์กลางนี้ และยังได้หารือถึงความร่วมมือในการศึกษาเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าระบบต่างๆ เช่น นิวเคลียร์ที่ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง เครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ได้เข้าไปร่วมทุนอีกด้วย
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวถึงการซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาว ว่า ลาวได้เสนอให้ไทยพิจารณาเรื่องการซื้อขายไฟฟ้า ทั้งในส่วนของ เอ็มโอยูเดิม 7,000 เมกะวัตต์ ที่เสนอโครงการมาครบแล้ว โดยที่ผ่านมามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปแล้ว 5,400 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 1,600 เมกะวัตต์ ที่เสนอมาและจะต้องเจรจาค่าไฟฟ้าต่อไปคือ โรงไฟฟ้าปากเบ็ง 880 เมกะวัตต์ โครงการนี้ บริษัท ต้าถัง ของจีนเป็นผู้ลงทุน, โครงการน้ำเทิน 1 กำลังผลิต 520 เมกะวัตต์ ทางบริษัทพรศักดิ์ ของ สปป.ลาว เป็นผู้ลงทุนส่วนอีก 200 เมกะวัตต์ ทางลาวเสนอขายไฟฟ้าในการรักษาเชื่อมต่อระบบ หรือ Grid to Grid นอกจากนี้ สปป.ลาวยังเสนอให้ทำเอ็มโอยู ซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งทางรัฐบาลคงจะตัดสินใจต่อไป ขอขอบคุณข้อมูลจาก : แนวหน้า