บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เผยภาพรวมทุกกลุ่มธุรกิจจนถึงไตรมาส 3 นี้ เป็นที่น่าพอใจ เน้นสินทรัพย์คุณภาพทั้งลงทุนเอง ร่วมทุน และรับโอนกิจการ ย้ำชัดนโยบายเดิมในการหาพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจ ครึ่งปีหลังดันสร้างผลงานคุณภาพ

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า 3 ไตรมาสที่ผ่านมา สามารถขยายธุรกิจได้ตามแผนงาน และมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ จากโครงการที่ได้เปิดเผยไปแล้ว อาทิ การเปิดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ใจกลางอโศก โครงการ "ดิ เอส อโศก" ตั้งเป้ายอดขายที่ 60% ภายในสิ้นปี 2558 โครงการ "สิงห์ คอมเพล็กซ์" บนถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อต้นตุลาคมที่ผ่านมาและมีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2560โดยบุญรอดเซ้งพื้นที่บางส่วนของอาคารสำนักงานใน “สิงห์ คอมเพล็กซ์” เพื่อเป็นออฟฟิศสำหรับผู้บริหารระดับสูง การเข้ารับโอนกิจการทั้งหมดของ "ซันทาวเวอร์ส" อาคารสำนักงานให้เช่าบนถนนวิภาวดี-รังสิต เมื่อเดือนกรกฎาคม และล่าสุดการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในการเข้าซื้อกิจการโรงแรมภายใต้แบรนด์ "Mercure" (เมอร์เคียว) ในสหราชอาณาจักรจำนวน 26 แห่ง มีมูลค่าลงทุนรวมกว่า 8,500 ล้านบาท

"ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา การดำเนินงานโดยรวมของ สิงห์ เอสเตท เป็นที่น่าพอใจ ทั้งโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป อย่าง คอนโดมิเนียม "ดิ เอส อโศก" ที่จะมีกำหนดแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2561 มีมูลค่าโครงการ 4,534 ล้านบาท ตั้งอยู่บนที่ดินของ “สิงห์ เบียร์ เฮ้าส์” เดิม ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่ดีมากสำหรับการอยู่อาศัยเองและการลงทุน "ดิ เอส อโศก" จะเป็นตึกที่มีความสูงที่สุดในย่านอโศก ด้วยความสูง 55 ชั้น มี 419 ยูนิต ที่จอดรถกว่า 100% ถือเป็นโครงการที่มีความโดดเด่นและคุ้มค่ามาก ส่วน "สิงห์ คอมเพล็กซ์" ก็ได้เริ่มการก่อสร้างแล้ว มีมูลค่าการก่อสร้างรวมกว่า 4,250 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) จะเสร็จในปลายปี พ.ศ. 2560 ที่สำคัญคือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว (เซ้ง) พื้นที่ส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงานใน “สิงห์ คอมเพล็กซ์”เพื่อเป็นออฟฟิศสำหรับผู้บริหารระดับสูงโดยมีกำหนดระยะเวลาการเช่ารวม 50 ปี ประมาณค่าเช่ารวม1,900 ล้านบาท” นายนริศกล่าว

การเข้ารับโอนกิจการทั้งหมดของ อาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส เป็นหนึ่งในแผนงานของบริษัทในการขยายธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income)ให้แก่บริษัทในระยะยาวแล้ว บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้และผลกำไรได้ทันที ในช่วงที่ “ดิ เอส อโศก” และ “สิงห์ คอมเพล็กซ์” ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยบริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงอาคารซันทาวเวอร์ส ในส่วนล๊อบบี้ พื้นที่จอดรถ และขยายพื้นที่ค้าปลีกของซันพลาซ่า ปัจจุบันอาคารซันทาวเวอร์ส มีอัตราการเช่าพื้นที่ 95% ผลประกอบการ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเกินกว่าที่ได้ประมาณการไว้ โดยบริษัทตั้งเป้าปีหน้าให้ภาพรวมธุรกิจนี้โตขึ้น 10%

ล่าสุด สิงห์ เอสเตท ได้ร่วมลงทุนกับ FICO Holding (UK) Limited จัดตั้งบริษัทร่วมทุน FS JV Co Limited ซึ่งจดทะเบียนในประเทศอังกฤษในสัดส่วนร้อยละ 50 เท่ากัน เพื่อเข้าซื้อกิจการโรงแรม 26 แห่ง ในสหราชอาณาจักร ภายใต้แบรนด์ Mercure (เมอร์เคียว) มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 8,500 ล้านบาท โดยเป็นการถือครองกรรมสิทธิ์ (freehold) 20 แห่ง และถือครองสิทธิการเช่า (leasehold)6 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 2,883 ห้อง และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปี 2557 ร้อยละ 66 การร่วมลงทุนครั้งนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจโรงแรมของบริษัทไปยังกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูง และมีความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ

"โรงแรมในสหราชอาณาจักรทั้ง 26 แห่งที่บริษัทได้เข้าลงทุนร่วมกับ FICO ในครั้งนี้ ประกอบธุรกิจภายใต้แบรนด์ Mercure ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกทั้งในด้านระบบการบริหารจัดการและมาตรฐานการให้บริการงานโรงแรมที่น่าประทับใจโดยโรงแรมแต่ละแห่งก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นของตัวเอง อีกทั้งยังตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ อาทิ ทำเลในใจกลางเมือง หรือ ชายทะเลซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือ ทำเลที่เหมาะสำหรับธุรกิจงานประชุมสัมมนาจัดเลี้ยงในท้องถิ่น (MICE) ปัจจุบันอุตสาหกรรมโรงแรมในสหราชอาณาจักรอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัว และมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของสิงห์ เอสเตท นอกเหนือจากการสร้างผลตอบแทนและการเติบโตที่ดีให้แก่บริษัทในระยะยาวแล้ว ยังสามารถสร้างกระแสเงินสด และผลกำไรให้บริษัทได้ทันทีตามสัดส่วนการถือหุ้น" นายนริศกล่าว