อนันดาฯ กำไรไตรมาส 3 โตกว่าไตรมาส 2 ถึง 124%
อนันดาฯ กำไรไตรมาส 3 โตกว่าไตรมาส 2 ถึง 124% เติบโตสูงถึง 88% จากไตรมาส 2 และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน พร้อมโชว์ยอดขายไตรมาส 3 ดีกว่าเป้า ถึง 39% แม้ภาพรวมตลาดไม่สดใส
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้า ประกาศผลประกอบการโชว์ศักยภาพการดำเนินงาน ประสบความสำเร็จอีกครั้ง เติบโตอย่างมั่นคง เผยไตรมาส 3 ปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นถึง 88% จากไตรมาส 2 เป็น 2,251 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน พร้อมโชว์ตัวเลขยอดขายไตรมาส 3 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4,452 ล้านบาท ถึง 39% จากยอดขายโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวก่อนหน้า เผยกำไรจากผลดำเนินงานสะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพภายใต้แผนดำเนินงานที่วางไว้อย่างชัดเจน
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 บริษัทประสบความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ของ อนันดาฯ เป็นอย่างดี พร้อมเปิดเผยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น 124% จากไตรมาสก่อน เป็น 161 ล้านบาท จากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์ที่สูงกว่า 9% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,056 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายได้อื่นอีกกว่า 414 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าบริหารโครงการที่ร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง ทำให้ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เป้ารายได้ทั้งปี ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนหน้า อยู่ระหว่าง 10,000-11,000 ล้านบาท
<นอกจากนี้ในไตรมาส 3 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการควบคุมต้นทุน แม้ว่าค่าใช้จ่ายจากการบริหารงานจะเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่น้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มสูงถึง 32% ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารขายในไตรมาส 3 นี้ รวมค่าใช้จ่ายในการจัดงานประจำปีที่สยามพารากอน จากปีก่อนซึ่งจัดงานในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบไตรมาส 3 ปีนี้ กับไตรมาส 4 ปีก่อน ค่าใช้จ่ายการขายโดยรวมลดลงเกินกว่า 110 ล้านบาท
ใน ไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ติดรถไฟฟ้าบน 3 ทำเล ด้วยมูลค่าโครงการ 10,760 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไอดีโอ โอทู ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา มูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท โครงการไอดีโอ สุขุมวิท 115 ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสปู่เจ้าฯ มูลค่าโครงการกว่า 2,700 ล้านบาท และ โครงการคิว ชิดลม-เพชรบุรี ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
นอกจานี้บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การขายรูปแบบใหม่ โดยการเปิดขายห้องบางส่วนในช่วงเปิดตัวโครงการใหม่ และเปิดขายเพิ่มขึ้นตลอดช่วงเวลาดำเนินการก่อสร้าง ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราการขายสูงกว่า 70% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ โดยในไตรมาส 3 บริษัทฯ สร้างยอดขายได้กว่า 6,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 39% ทำให้ยอดขาย 9 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นเป็น 18,680 ล้านบาท คิดเป็น 81% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ในไตรมาส 1/58 กว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายจากโครงการใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดี และจะทยอยเปิดขายยูนิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่ “อาร์เด้น” ทั้ง 3 ทำเล ที่สามารถสร้างสถิติที่สูงสุดในการขายกว่า 1,200 ล้านบาท
บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3 / 58 เกินกว่า 36,300 ล้านบาท โดยมีกำหนดโอนตลอด 3 ปีข้างหน้า โดยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2558 มียอดขายรอรับรู้รายได้แล้ว คิดเป็น 85% ของเป้าหมายรายได้ในไตรมาส 4
สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในปี 2559 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 43% จากปี 2558 โดยได้รวมส่วนแบ่งรายได้ของโครงการคอนโดมิเนียมไอดีโอ คิว จุฬา สามย่าน ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง ทำให้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าหมายปี 2558 ไว้กว่า 10,500 ล้านบาท
จากวงจรเงินทุน ทำให้บริษัทฯ เปิดขายโครงการใหม่ในปี 2559 ด้วยมูลค่าโครงการ ลดลงเป็น 22,000 ล้านบาท จาก 34,000 ล้านบาทในปี 2558 โดยในปี 2559 บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่ 10 โครงการ โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 4 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ แม้ว่ามูลค่าเปิดขายโครงการใหม่จะลดลง แต่ในปี 2559 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในระดับเกือบ 22,000 ล้านบาท เปรียบเทียบกับเป้าหมายปี 2558 ในระดับ 23,000 ล้านบาท จากการขายโครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้าในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น
"บริษัทฯ รู้สึกยินดีกับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ พร้อมทั้งยังสามารถรักษาการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี นอกจากนี้ยังรักษาความมีวินัยด้านต้นทุนการดำเนินงาน และการกู้ยืมอีกด้วย โดยอนันดาฯยังคงครองความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการออกแบบอาคาร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ทำให้อนันดาฯยังคงตั้งเป้าในการเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไป พร้อมทั้งดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับ 1:1 ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย" นายชานนท์ กล่าว
นายชานนท์ กล่าวสรุป "ในปี 2559 เป็นปีที่ได้เห็นผลที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากเงินทุนจากการระดมทุน IPO เมื่อ 3 ปีก่อน ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ และกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถเก็บเกี่ยวรายได้อีกหลายปี จากการลงทุนพัฒนาโครงการในช่วงหลังจาก IPO เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา"
ขอบคุณข้อมูล และ รูปภาพจาก : www.ananda.co.th