Super Trader Republic พื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการลงทุนแห่งแรกของประเทศไทย
“ซุปเปอร์เทรดเดอร์ กรุ๊ป” ก้าวเหนือทุกความต้องการเพื่อนักลงทุนรายย่อย เปิดตัว “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค อินเวสท์เมนท์ อะคาเดมี่” พื้นที่สร้างสรรค์การเรียนรู้ด้านการลงทุนรูปแบบใหม่ (Co-Trading Space) แห่งแรกของประเทศไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุน สร้างนักลงทุนมืออาชีพให้ตลาดทุนไทย เผยรูปแบบธุรกิจยังสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถให้เป็นแขนขาด้านการตลาดให้ธุรกิจในตลาดทุนได้ เตรียมเพิ่มสาขา และสมาชิกแตะระดับ 500 คน ภายใน 3 ปี
นายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ กรุ๊ป ผู้ริเริ่มโครงการ ซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพครั้งแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งของการมีส่วนร่วมส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเน้นคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทยและต้องการสร้างเวทีในการถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุนสู่นักลงทุนนำมาสู่ความยั่งยืนของตลาดทุน จึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ด้านการลงทุนให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน และรูปแบบการลงทุนรุ่นใหม่ โดยเปิดตัว “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค อินเวสท์เมนท์ อะคาเดมี่ (SUPER TRADER REPUBLIC INVESTMENT ACADEMY)” ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุน และโค-เทรดดิ้ง สเปซ (Co-Trading Space) แห่งแรกของเมืองไทย พร้อมเปิดตัวบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ “บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด”
สำหรับการเปิด โค-เทรดดิ้ง สเปซ เป็นอีกก้าวของทีมงาน ที่เดินหน้าต่อจากโครงการ Super Trader Thailand ที่ประสบความสำเร็จทั้งปีที่ 1 และปีที่ 2 ด้วยพันธกิจหลักที่ตั้งใจ จะพัฒนาองค์ความรู้ ความสามารถด้านการเงิน การลงทุนและสร้าง “อาชีพเทรดเดอร์” ให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพื่อให้การลงทุนเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของชีวิตผู้คน จึงตั้งใจสร้าง “Super Trader Republic” ให้เป็นสถานที่ ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการลงทุนในตลาดทุน “ทุกอย่าง” ที่นักลงทุนรายย่อยในตลาดต้องการ และสร้างนวัตกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนรายย่อยสูงสุด โดยพื้นที่ดังกล่าวจัดทำเป็นระบบสมาชิกในปีแรก 150 คน และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยท่านอื่นที่ได้ใช้พื้นที่ในอัตราเช่นเดียวกับการใช้งานพื้นที่เช่าร่วมทำงานทั่วไป
สำหรับ “SUPER TRADER REPUBLIC INVESTMENT ACADEMY” แห่งแรก ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 19 ของตึกเอมไพร์ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสถาบันการเงินมากมาย (Financial Center) อยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยบริษัท ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มคอร์สทางด้านการลงทุน เพื่อเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ได้ 500 คนในระยะเวลา 3 ปี และต้องการพัฒนาในรูปแบบสาขาในอนาคต ทั้งในบริเวณในเมืองและชานเมืองโดยเน้นเป็นรูปแบบ Stand Alone เพื่อเน้นการเทรดสินค้าต่างประเทศในช่วงกลางคืน รวมไปถึงพื้นที่ในบริเวณศูนย์การค้า เพื่อให้ผู้คนได้เข้าถึง Super Trader Republic ได้ง่ายขึ้นด้วย
นอกจากนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายจะพัฒนาการอบรมผ่านทางระบบออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนในต่างจังหวัด และนักลงทุนไทยในต่างประเทศ ตลอดจนกระทั้งการพัฒนาบุคลากรในแวดวงการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อการพัฒนาความรู้ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นางสาวนิติการณ์ วณิชจินดาภัสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด กล่าวถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทว่า ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ธุรกิจ Co-Trading Space โดยบริษัทนับว่าเป็น โค-เทรดดิ้ง สเปซ เจ้าแรกในประเทศไทย ให้บริการสมาชิกรายปีจำนวนจำกัดที่ 150 ท่าน เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง และความเป็นพรีเมี่ยมของผู้ใช้งาน ด้วยห้องสัมมนา และมุมอ่านหนังสือ พร้อมทั้งทีมงานที่จะหมุนเวียนกันมาให้คำปรึกษาตลอดทั้งสัปดาห์ สำหรับ Co-Trading Space แห่งแรก ตั้งอยู่บนพื้นที่ชั้น 19 ของตึกเอมไพร์ทาวเวอร์ จะมีค่าสมาชิก 49,000 บาทต่อปี โดยสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ตลอดทั้งปี รวมไปถึงสัมมนาฟรีจากผู้ทรงคุณวุฒิรวม 12 ครั้งโดยประมาณ
ธุรกิจ Investment Academy บริษัทวางเป้าหมายจะจัดคอร์สสัมมนาให้ความรู้ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นกับมือใหม่จนถึงมืออาชีพ ในทุกผลิตภัณฑ์การลงทุน (Product) อาทิ หุ้น อนุพันธ์ รวมไปถึงสินค้าในตลาดต่างประเทศ เช่น Index Future, Forex, Options ภายใต้คอนเซปต์จาก “รายย่อยสู่รายย่อย” (Peer to Peer Platform) ด้วยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่หมุนเวียนกันมาให้ความรู้ตลอดทั้งปี
ธุรกิจ Investors Community บริษัทมีห้องสัมมนาหลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นห้องบรรยาย และแบบห้องประชุม (Meeting Room) เพื่อให้บริษัทจดทะเบียน และบริษัทหลักทรัพย์ ได้มีสถานที่ในการพบปะกับนักลงทุนรายย่อย และจัดกิจกรรมกับนักลงทุน เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ (Product) ทางการเงินใหม่ให้กับนักลงทุน หรือการแจ้งข่าวสารใหม่ โดยต่อยอดช่องทางการประชาสัมพันธ์ในรายการแข่งขัน โครงการ Super Trader Thailand
ทั้งนี้ บริษัทยังเพียบพร้อมไปด้วยวิทยากรผู้สอนประจำที่เป็นนักลงทุน และเทรดเดอร์ มืออาชีพ (Full-Time Trader) มากมาย มีการจัดระบบการติดตาม (Follow up) และให้คำแนะนำพอร์ทของสมาชิก ขณะที่คอร์ส- สัมมนา จะมีความหลากหลาย และสามารถออกแบบได้ตามความต้องการของสมาชิก หรือที่เรียกว่า “Tailor Made” เพื่อปรับรูปแบบการลงทุนให้เหมาะกับเงื่อนไขของแต่ละบุคคลเช่น “Trading For Living” เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกมาเป็นนักลงทุนมืออาชีพ (Full–Time Trader) เต็มตัว “Investment For Kids” สำหรับเด็กที่สนใจการลงทุนในหุ้นตั้งแต่พื้นฐาน “Senior Trader” สำหรับผู้สูงวัยที่ชื่นชอบในการเทรดดิ้ง “Salaryman Curriculum” เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการแบ่งเวลามาลงทุน และทำความเข้าใจโครงสร้างการทำกำไรของบริษัทเพื่อสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง “Global Trading Strategies” เพื่อผู้ที่ต้องการเปิดโอกาสไปลงทุนในต่างประเทศ เช่น Forex, Options และ Expert IC สำหรับทีม Marketing ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ต้องการต่อยอดเป็น Prop. Trade และ Fund Manager เป็นต้น