25 นิสัยที่มักพบได้ในสังคม มนุษย์เงินเดือน
ในหนึ่งวันของคนวัยทำงาน คงเลี่ยงไม่ได้ที่เวลาชีวิตจะถูกจำกัดให้อยู่ระหว่างออฟฟิศกับบ้านแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า คนทุกคนต่างต้องการสังคมในที่ทำงานให้อบอุ่นไม่ต่างจากอยู่ในครอบครัว แต่ทุกการเลือกบริษัทก็เหมือนการเสี่ยงดวง ที่คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลย จนกว่าคุณจะได้ลองเข้าไปใช้ชีวิต ณ ที่นั้น ๆ และคงเป็นเรื่องที่ยากมาก สำหรับมุมมองแบบโลกสวยของคุณ ความหวังที่จะได้เจอกับบุคคลากรที่ดีและมีความสามารถทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ขอเสนอ “25 นิสัยที่มักพบได้ในสังคมมษุษย์เงินเดือน” เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงความไว้ใจ การมีสติต่อหน้าที่การงานของตนเอง และไม่ควรพึงกระทำนิสัยอันเป็นสิ่งน่ารังเกียจนี้ หากสามารถปรับตัวให้เข้ากับบุคคลเหล่านี้ได้ การอยู่รวมกันจึงสามารถขับเคลื่อนได้เป็นปกติสุขต่อไป
1. ขี้เกียจ “ความขี้เกียจ” สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนในเวลางาน ถือเป็นความไร้ความผิดชอบต่อหน้าที่ มิหนำซ้ำ! ถ้าหากโกหกสตรอเบอร์รี่สร้างภาพให้ตัวเองดูดีแล้วละก็ คุณอาจถูกเหม็นหน้าได้ง่าย ๆ สำหรับงานที่ต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว “ผลงาน” จะเป็นตัววัดคุณภาพของงานได้ดีที่สุด แต่! หากทำงานเป็นทีม ความขี้เกียจที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากไม่คิดที่จะให้เกียรติเพื่อนร่วมงานแล้ว ก็ควรให้เกียรติต่อหน้าที่การทำงานของตนเองจึงถือเป็นสิ่งดีที่สุด
2. หนึ่งตัวหลายหัวหลายนาย ชีวิตจริงบางทีก็ยิ่งกว่าละคร! เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนใดจริงใจกันมากน้อยขนาดไหน “การปั่นหัวเพื่อนร่วมงาน” หรือ “การนำความลับจากอีกฝ่ายส่งต่ออีกฝ่าย” ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของบุคคลประเภทนี้ ลักษณะเหมือนคนขาดความอบอุ่น ที่ต้องการความรักและยกย่องให้ตนมีความสำคัญ อาจลำบากกันหน่อยที่คุณจะไม่สามารถบุคคลเหล่านี้ทำหน้าร้าย ๆ เหมือนตัวร้ายในจอแก้ว ดังนั้น กว่าจะรู้ว่าหล่อนสอดไส้ ก็คงยากที่จะไปตามแก้ไขให้มากความกันแล้ว ต่อให้จะทำลงไปด้วยความสะใจหรือความสนุกก็ตาม แต่วันหนึ่ง พวกคนประเภทนี้จะรู้ตัวว่า รอบข้างจะมีแต่คนแขยงและไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ก็นั่นแหละ ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น ต้นเหตุมาจากสันดานของ “หนึ่งตัวหลายหัวหลายนาย” ล้วน ๆ เลย
3. ไม่เข้าสังคม บางทีการไม่เข้าสังคมเลยก็อาจเป็นวิถีของผู้เอาตัวรอดมากที่สุด แต่ในความเป็นจริง จะมีซักกี่ตำแหน่งและกี่อาชีพที่ต้องทำงานคนเดียวโดยไม่มี Connection อย่านึกให้เสียเวลาเลย เพราะเราหลีกหนีสังคมการทำงานไม่ได้หรอก สำหรับ “การไม่เข้าสังคม” ในมุมของคนที่ร่วมงานด้วย อาจจะเกิดความรำคาญ ที่ไม่สามารถสร้างทีมเวิร์ค ร่วมกันระดมความคิด สนุกกับการทำงานไปพร้อม ๆ กันได้
4. นินทา วัน ๆ ไม่ทำอะไร นอกจากการสืบเสาะ จับผิด เพื่อปรุงแต่งเป็น Topic ใหม่ ๆ ให้สนุกปาก พบได้ทุกที่ ทุกซอกมุมของโต๊ะทำงาน หลัง ๆ เริ่มมีการพัฒนาสกิลแบบต่อหน้ากันแบบไม่อายปาก บุคคลจำพวกนี้ใช้ชีวิตไร้เป้าหมายในชีวิต เหมือนทำงานวันต่อวัน ไม่ได้หวังให้ชีวิตของตนเองเจริญไปในทางที่ถูกที่ควร หากถ้อยคำจากพวกเขาเหล่านั้นต้องทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจแล้วละก็ จงอย่าคล้อยตามไปกับคนปากผี ความจริงเป็นอย่างไรตัวเรารู้ถูกผิดดีที่สุด และท้ายสุดคนประเภทนี้ก็จะได้อีกอยู่ไม่นาน! ชีวิตที่มัวแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน คงไม่มีวันทำให้ตัวเองก้าวหน้าเจริญขึ้นหรอก!
5. มั่นใจในวุฒิการศึกษา จุดบอดของคนมีอีโก้คนประเภทนี้ มักจะไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้าง การพุ่งความทะเยอทะยานโดยการขาดการประเมินตนเอง ก็นับเป็นความหายนะของตนเองเลยก็ว่าได้ คนประเภทนี้มีความมั่นใจในตัวเองสูง และไม่สามารถรับคำติจากใครได้ ยึดมั่นถือมั่นในวุฒิการศึกษาและสถาบันของตนเอง ถือเป็นเรื่องลำบากใจหากจะต้องร่วมงานด้วย ฝีมือดีและมีอีโก้ยังพอถูไถกันไปได้ แต่หากคุณภาพงานก็งั้น ๆ ทั้งยังไม่ยอมฟังคำใครอีก ปล่อยเขาไปเถอะ จำความน่าเบื่อกับคนประเภทนี้เอาไว้ แล้วอย่าเลือกที่จะทำตัวแบบนี้ด้วยก็แล้วกัน
6. ไร้ความรับผิดชอบ เป็นเรื่องน่าเบื่อไม่ใช่น้อย ที่ต้องร่วมงานกับคนไร้ความผิดชอบ หลายคนคงพอจะนึกออกได้ทันที อย่างการทำงานเป็นทีม หากผลงานดีก็แต่แย่งเสนอหน้า หากผลงานล้มไม่เป็นท่าก็โบ้ยปัดความรับผิดชอบ เป็นความโชคร้ายของบริษัทแท้ ๆ ที่ได้พนักงานเช่นนี้ แต่ทุก ๆ ที่ก็ไม่สามารถเป็นเขตปลอดมนุษย์สายพันธุ์นี้ได้เลย ดังนั้น ควรอยู่รวมกันโดยให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด และสิ่งสำคัญของการทำงานเป็นทีม คือต้องร่วมรับผิดชอบและร่วมยินดีไปพร้อมกัน แต่หากเพื่อนร่วมทีมเราไม่เป็นเช่นนั้น โปรดอย่าใส่ใจ แต่จงภูมิใจที่เรากล้ารับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น ๆ จะดีกว่า
7. ไม่แยกงานกับเรื่องส่วนตัว “วันแดงเดือด” สตรีที่น่ากลัวทั้งหลายต่างปรากฎตัว จนทำเอาหนุ่ม ๆ ในสำนักงานต่างเกรงกลัวกันเป็นแถว ยังไม่พอเพียงเท่านี้! เพราะต้องรวมถึงวันอกหัก ทะเลาะกับแฟน บอลแพ้ หุ้นตก หมกหนี้ ที่จะเปลี่ยนอารมรณ์การทำงานให้มืดมนไร้สติตลอดวัน พาลไปถึงคนข้าง ๆ ที่นั่งทำงานด้วย พลอยทำให้บรรยากาศอึมครึมลงไปหมด อย่าใส่ใจกับบุคคลจำพวกนี้ หากเป็นพวกเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้น การมองข้ามไป หรือแม้แต่ทำเป็น “หูทวนลม” เป็นเหมาะกับทางออกที่ดีที่สุด
8. บ้างาน เหมือนจีเนียสสมัยเรียนที่มักจะคุยด้วยไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ต่างจาก “คนบ้างาน” ที่มักทุ่มทุกสิ่งอย่างไปกับงานโดยไม่จัดการเวลาให้เหมาะสม แม้การรับผิดชอบงาน ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำสำหรับพนักงานทุกคน แต่การให้เวลาแก่ครอบครัวและเพื่อนฝูงก็สำคัญไม่แพ้กัน เป็นคนขี้เกียจก็ไม่ดี เป็นคนบ้างานก็ไม่ควร หากเจอบุคคลประเภทนี้ สิ่งเดียวที่พบจะทำได้ด้วยความหวังดี คือการช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ โดยการพิจารณาถึงความพอดี พอเหมาะ แต่อย่าไปขัด! วิถีใครวิถีมัน เพราะท้ายสุดเราก็ถือว่า “ทำดีที่สุดแล้ว”
9. เห็นแก่ตัว น่าอึดอัดที่สุดกับคนประเภทนี้! แต่ก็อย่าคิดว่าอุปนิสัยของตัวเองจะไม่มีความ “เห็นแก่ตัว” กันเลย เพราะมันมีอยู่ในตัวทุกคน เพียงแต่จะมีมากกว่าหรือน้อยกว่ากันก็เท่านั้น แม้ในชีวิตจริง การรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ก็อาจถูกมองว่าเป็นคน “เห็นแก่ตัว” ได้เช่นกัน ซึ่งความจริงแล้วไม่เกี่ยวกันเลย อย่างไรก็ตาม ควรรู้จักพิจารณาในด้านการทำงานให้ดี เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วย ๆ กันไป แต่อย่างให้ใครมาเอาเปรียบจนเกินงาม รู้จักปฏิเสธบ้าง วางบทบาทหน้าที่ของตนเองให้ชัดเจน ถึงคราวนั้นจะเห็นแก่ตัวหรือไม่ เราคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วหละ
10. ขี้ลืม มองบนจนจะกรอกตาเป็นอินฟินิตี้ได้แล้ว กับการเตือนความจำกันทั้งวัน แถมต้องลุ้นอีกว่าจะจำได้หรือยังนะ! ในบรรยากาศการทำงานที่ต่างคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบมากพออยู่แล้ว การคอยเตือนความจำเพื่อนร่วมงาน อาจเป็นสิ่งที่อาจทำให้พลาดงานของตนเองได้ เนื่องจากระบบประมวลแต่เรื่องงานของคนอื่น แม้อาจจะพารานอยไปบ้างเป็นบางเวลา แต่ยุคที่ทันสมัยอย่างการตั้งปลุกก็เป็นอีกวิธีที่สามารถแนะนำหรือช่วยแก้ปัญหา “นิสัยขี้ลืม” ต่อไป
11. นักเลงดิจิตอล ยิ้มให้กันอยู่ไม่ทันไร เผลอแปปเดียวก็โพสต์ด่ากันซะแล้ว มีให้เห็นจนน่าเอือมระอากันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกรุ๊ปจับกลุ่มเม้าท์ไม่ชอบคนนี้ ไม่พอใจคนนั้น ละเลงลงบนคีย์บอร์ดใช้ถ้อยคำหยาบคายแสดงด้านมืด ตัวตน และกมลสันดานออกมาแบบน่ารังเกียจ แต่สำหรับคนพวกนี้ที่ถือว่าเป็น “พื้นที่ส่วนตัว” ข้ออ้างที่โง่เขลาที่สุดก็ยังมีมาให้เห็น เรียนจบมาถึงขนาดนี้ มีประสบการณ์การทำงานถึงขนาดนี้ อะไรที่ไม่ชอบก็ลองปล่อยไป เก็บแต่เรื่องดี ๆ ให้สุขใจเพื่อบั้นปลายชีวิตน่าจะมีประโยชน์กว่า
12. ขี้ขโมย เหมือนติดนิสัยจากที่โรงเรียนลามมาถึงที่ทำงานหรือยังไง กับนิสัยเด็ก ๆ ที่ขี้อิจฉา อยากได้อยากมี จนทำให้เกิดความละโมบจนตัวเองต้องกลายเป็น “ขี้ขโมย” แม้ในยุคสมัยที่ทุกบริษัทมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็ตาม แต่อุปนิสัยเสีย ๆ นี้ ยังคงปรากฎให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ชำนาญเข้าก็ลามไปถึงการยักยอกเงินในบริษัท อันเนื่องจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน หากคิดจะรวยทางลัด การทำเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย เพราะมันก็คือเส้นทางลัดสู่ความหายนะของอนาคตเช่นกัน
13. นักจารกรรม คนประเภทนี้มักไม่รู้ว่า ควรเอาเวลาอยากรู้อยากเห็นไปหาความรู้ให้สมองมีการพัฒนาดูท่าจะดีกว่า การจ้อง “แอบเช็กของ” ของเพื่อนร่วมงาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอิจฉาหรือขอแค่เผือกไปวัน ๆ จึงทำให้บุคคลเหล่านี้กล้าที่จะล้วงข้อมูลแบบไม่รู้จักความเกรงใจ ทั้งแอบดูข้อความแชทในโทรศัพท์มือถือข้อความบนเฟซบุ๊ก ทำตัวเป็นนักสืบแอบเปิดเก๊ะ เปิดกระเป๋า หวังหาอะไรไม่รู้ (เพราะไม่รู้ว่าบุคคลประเภทนี้ใช้สมองคิดอะไรอยู่) แบบไร้สมบัติของผู้ดี หากเจอบุคคลประเภทนี้กรุณาแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เท่านั้น!
14. หน้าไหว้หลังหลอก พบเจอได้ทั่วไปในที่ทำงาน การไว้ใจต่อบุคคลประเภทนี้ เปรียบเหมือนการยื่นมีดให้กับผู้ร้าย ต่อหน้ากันทำดี พูดดี คิดดี สร้างภาพไม่ต่างจากนางฟ้าหรือเทวดา ซึ่งลับหลังก็พร้อมที่จะทำลายหรือชักใย ปรับเปลี่ยนเรื่องราวที่ตรงกันข้ามจากเวลาอยู่ต่อหน้า ด้วยความเน่าเฟะจากจิตใจ การอยู่ร่วมกับบุคคลประเภทนี้จะไม่เกิดประโยชน์อันใด มีแต่ความระแวงและไร้ซึ่งความเชื่อใจต่อกัน โปรดถอยออกมาเพราะคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เขาเป็นได้ ไม่เช่นนั้น บทเรียนราคาแพงบทใหม่ จะเกิดขึ้นกับคุณในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน
15. ต่อต้านสังคม แน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนเกิดและเติบโตในสถานที่ การเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นผลทำให้ความคิดความอ่านแตกต่างกันออกไป และมีสิทธิ์ที่ในออฟฟิศของคุณจะมีบุคคลสุดโต่ง ประปรายอยู่ตามแผนกต่าง ๆ กันบ้าง ถือเป็นเรื่องที่สามารถควบคุมได้ยากสำหรับมุมมองของผู้บริหารระดับใหญ่ ที่จำเป็นต้องเลือกบุคลากรที่มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน บุคคลเหล่านี้ยากที่จะอยู่ร่วมกับสังคมและยอมรับความคิดหลากหลายเสียงไม่ค่อยได้ การพูดคุยกันน้อย ๆ จึงเป็นทางออกที่ซอฟต์ที่สุด
16. มนุษย์ลึกลับ ไม่ว่าเธอจะไปไหน หรือเขาจะทำอะไร ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้ สำหรับ “บุคคลลึกลับ” เหล่านี้ บุคคลที่เลือกจะไม่สุงสิงอะไรเลยในที่ทำงาน ใช้ชีวิตเพื่อเดินทางมาทำงานหมดเวลาก็กลับบ้านเพียงเท่านั้น แม้ผิวเผินจะดูเหมือนเป็นกันการป้องกันตัว ปราศจากปัญหาจุกจิกระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ดีก็จริง แต่บุคคลเหล่านี้จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่ามนุษย์จับผิด ที่จะคอยจับจ้องทุกย่างก้าวอย่างนไม้คันมือและคันปากเลยจริง ๆ
17. ติดห้องน้ำ ก้นไม่ค่อยอยู่กับเก้าอี้กันเท่าไร กับมนุษย์เงินเดือนประเภท “ติดส้วม” ในหนึ่งวันที่เสียเวลาไปกับการส่องกระจก แต่งหน้า หวีผม ล้างหน้า ล้างมือ ล้างปาก แปรงกัน บลา ๆ นี่ขนาดยังไม่รวมเข้าส้วมกว่า 5 ครั้งด้วยแล้ว ถ้าให้มองในด้านความสะอาด แน่นอนบุคคลประเภทนี้ต้องไร้เชื้อโรคกว่าคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากมองในความหมายของคำว่า “อู้” กันบ้างหละ มันก็น่าคิดเหมือนกันจริงมั้ย?
18. คอทองแดง ยิ่งใกล้หมดเวลางานก็ยิ่งคึก พากันบิ้วไปดื่มกันต่อโดยไม่สนว่าเช้าวันใหม่จะมาทำงานไหวกันหรือเปล่า กับหนุ่มสาวนักปาร์ตี้มื้อดินเนอร์ทั้งหลาย ที่แสดงสปิริตต้านฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ดีกว่าฤทธิ์เจ้านาย แต่มักจะมีจุดจบไม่พ้น “ลาป่วย” ในวันถัดไป บ้างก็มาสาย ท้องเสียบ้าง เวียนหัวบ้าง ตามสไตล์พนักงานออฟฟิศ และแม้จะเฮฮากันดีกับบุคคลประเภทนี้ แต่ก็อาจต้องทำให้คุณยอมรับด้วยว่า ปริมาณฤทธิ์แอลกอฮอล์บางทีมันก็มีมากกว่าลิสต์งาน เพราะฉะนั้น “ฝากทำงานให้ด้วยแล้วกันนะ ขอนอนก่อนหล่ะ... อึก!”
19. มนุษย์ธรรมะ การมีธรรมะเป็นที่พึ่งและยึดเหนี่ยวจิตใจในการทำงาน นับเป็นสิ่งดีที่จะคอยเป็นสติต่อการใช้สมองทำงาน คุณอาจเคยเห็นเพื่อนร่วมงานพากันไปทำบุญ ไหว้พระ หรือจัดเลี้ยงอาหารกลางวันต่าง ๆ ดูเป็นกิจกรรมที่ไม่ว่าใครต้องยินดีและพร้อมอนุโมทนา แต่! สำหรับซองขาว ๆ ทั้งซองผ้าป่าหรือกฐิน ที่ต้องการขอร่วมบริจาค ดูจะเป็นสิ่งที่อยากจะหันหนี หรือตีเนียนเดินเข้าห้องน้ำอย่างไรอย่างนั้น “ธรรมมะ” หรือ “ทำไหม” ที่ออกแนวไปในทาง “ต้องทำ” ลองถามใจดูว่า คุณเคยหลบหลีกของสิ่งนี้พ้นด้วยหรือเปล่า?
20. ติดการพนัน ถามได้ตอบได้ เหมือนมีกูรูเรื่องกีฬาฟุตบอลอยู่ในออฟฟิศ นอกจากตัวนักเตะทีมนู้น เบอร์นั้น ยังตามมาด้วยกฎแปลก ๆ ที่คนไม่เล่นพนันบอลด้วยกันก็คงไม่รู้ สำหรับบุคคลประเภทนี้ หากไม่ใช่แนวเดียวกัน ก็อาจจะคุยไม่รู้เรื่อง ไม่ถูกคอ แม้จะไม่มีพิษภัยในด้านการทำงาน แต่การพนันย่อมไม่เคยปราณีใคร และคนติดการพนันก็ย่อมไม่เคยปราณีเงินคุณเช่นกัน
21. มาไวไปไว ยังไม่ทันได้รู้จักเพื่อนร่วมงาน ระบบการทำงาน หน้าที่การทำงาน ก็ลาออกไปกันซะแล้ว แน่นอนว่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต่างต้องเคยเจอบุคคลจำพวก “มาไวไปไว” กันมาบ้าง เป็น 2 มุมมองที่สามารถตีความได้ระหว่าง จำพวก “รู้ตัวไว” ว่าสิ่งใดใช่ สิ่งใดไม่ใช่ และตัดสินใจเลือกตามความความคิดของตน และอีกหนึ่งประเภท จำพวก “ไร้ความรอบคอบ” ว่าสิ่งใดชอบ สิ่งใดไม่ชอบ และตัดสินใจเลือกตามความรู้สึกของตน! นับเป็นความเฟลของผู้สอนงาน ที่จำต้องหาพนักงานใหม่มาเทรนงานกันแบบนับหนึ่งให้อีกรอบ
22. มนุษย์กระเพาะรั่ว เปลี่ยนจากกองเอกสารบนโต๊ะ เป็นศูนย์รวมของกินสำหรับ “มนุษย์กระเพาะรั่ว” ที่มีอยู่ทั่วทุกออฟฟิศ ไม่รู้ว่าเกิดจากระบบกระเพาะชั้นดี หรือระบบขับถ่ายชั้นเลิศ ที่ทำให้วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากกิน! กิน ๆ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมากินต่อ เป็นวงจรชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นทางสมองใดใดทั้งสิ้น แต่การอยู่รวมกันก็ถือว่าเป็นข้อดี บุคคลนี้มักจะมีโปรโมชั่นของกินดี ๆ อร่อย ๆ มานำเสนอได้ทุกวี่วัน อีกสีสันการทำงานที่คุณต้องพบเจอเข้าสักวันอย่างแน่นอน
23. คนรักสัตว์ โดยส่วนมากเหล่าทาสแมว สุนัข หรือสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นกับบุคคลวัยทำงานที่สามารถหารายได้เพื่อไปเลี้ยง “เจ้าลูกรัก” ไม่พอแค่นั้น! ยังรวมถึง ปากกา สมุด แก้วน้ำ แฟ้ม กระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ เวฟวี่ติงที่จะสามารถทำเป็นลายสัตว์เหล่านี้ได้ และจุดพีคที่สุดคือ “โทนเสียง” ฟรุ้งฟริ้งเมี๊ยวหง่าวที่มักจะหลุดออกมา เหมือนดั่งคุณได้กลายเป็นเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงในบางเวลา หากไม่ถือสาก็ปล่อยผ่านไป คิดในแง่ดีไว้ว่าพวกเขาเอ็นดูคุณ!
24. ขายของออนไลน์ บุคคลเหล่านี้มักจะมีสินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นไอเท็มใหม่ทันสมัยมานำเสนอไม่เว้นแต่ละวัน พร้อมเสนอโปรโมชั่นดี ๆ ฟรี EMS ล่อตาล่อใจให้เพื่อนร่วมงานตาลุกวาวให้สั่งซื้อโดยไม่ต้องลงทะเบียน ถือเป็นสีสันในสังคมการทำงาน ที่จะได้เจอเพื่อนร่วมงานหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด ก็ไม่อยากจะมองแง่ร้ายว่า คุณมีโอกาสตกหลุมพรางได้ง่ายดายมากที่สุด เอาเป็นว่าผลประโยชน์ Win-Win ไปก็แล้วกัน
25. ใช้ของดีแต่ไม่มีตังค์ เจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องถูกยืมเงินไป แล้วมาเห็นรูปโปรไฟล์ใหม่คู่แก้วสตาร์บัค! ในยุคโซเชียลที่มีการโอ้อวดความล่ำซำในฐานะทางการเงิน กับเงินเดือนอันน้อยนิดนี้ ดูจะเป็นอุปสรรคให้ความไฮโซถดถอยลงไป จึงทำให้มีเหตุการณ์ “การยืมเงิน” ระหว่างเพื่อนร่วมงานเกิดขึ้น หากเป็นเพราะความจำเป็นก็คงจะช่วยเหลือตามสมควรกันได้ แต่ถ้ายอมเป็นผู้เติมเต็มความหรูหราของชีวิตให้พวกเขาแล้ว และมาลำบากเพื่อความสบายของคนอื่นซะเอง นั่นก็ถือว่าคุณเลือกเองแล้วหละ
1. ขี้เกียจ “ความขี้เกียจ” สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนในเวลางาน ถือเป็นความไร้ความผิดชอบต่อหน้าที่ มิหนำซ้ำ! ถ้าหากโกหกสตรอเบอร์รี่สร้างภาพให้ตัวเองดูดีแล้วละก็ คุณอาจถูกเหม็นหน้าได้ง่าย ๆ สำหรับงานที่ต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว “ผลงาน” จะเป็นตัววัดคุณภาพของงานได้ดีที่สุด แต่! หากทำงานเป็นทีม ความขี้เกียจที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากไม่คิดที่จะให้เกียรติเพื่อนร่วมงานแล้ว ก็ควรให้เกียรติต่อหน้าที่การทำงานของตนเองจึงถือเป็นสิ่งดีที่สุด
2. หนึ่งตัวหลายหัวหลายนาย ชีวิตจริงบางทีก็ยิ่งกว่าละคร! เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนใดจริงใจกันมากน้อยขนาดไหน “การปั่นหัวเพื่อนร่วมงาน” หรือ “การนำความลับจากอีกฝ่ายส่งต่ออีกฝ่าย” ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของบุคคลประเภทนี้ ลักษณะเหมือนคนขาดความอบอุ่น ที่ต้องการความรักและยกย่องให้ตนมีความสำคัญ อาจลำบากกันหน่อยที่คุณจะไม่สามารถบุคคลเหล่านี้ทำหน้าร้าย ๆ เหมือนตัวร้ายในจอแก้ว ดังนั้น กว่าจะรู้ว่าหล่อนสอดไส้ ก็คงยากที่จะไปตามแก้ไขให้มากความกันแล้ว ต่อให้จะทำลงไปด้วยความสะใจหรือความสนุกก็ตาม แต่วันหนึ่ง พวกคนประเภทนี้จะรู้ตัวว่า รอบข้างจะมีแต่คนแขยงและไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ก็นั่นแหละ ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น ต้นเหตุมาจากสันดานของ “หนึ่งตัวหลายหัวหลายนาย” ล้วน ๆ เลย
3. ไม่เข้าสังคม บางทีการไม่เข้าสังคมเลยก็อาจเป็นวิถีของผู้เอาตัวรอดมากที่สุด แต่ในความเป็นจริง จะมีซักกี่ตำแหน่งและกี่อาชีพที่ต้องทำงานคนเดียวโดยไม่มี Connection อย่านึกให้เสียเวลาเลย เพราะเราหลีกหนีสังคมการทำงานไม่ได้หรอก สำหรับ “การไม่เข้าสังคม” ในมุมของคนที่ร่วมงานด้วย อาจจะเกิดความรำคาญ ที่ไม่สามารถสร้างทีมเวิร์ค ร่วมกันระดมความคิด สนุกกับการทำงานไปพร้อม ๆ กันได้
4. นินทา วัน ๆ ไม่ทำอะไร นอกจากการสืบเสาะ จับผิด เพื่อปรุงแต่งเป็น Topic ใหม่ ๆ ให้สนุกปาก พบได้ทุกที่ ทุกซอกมุมของโต๊ะทำงาน หลัง ๆ เริ่มมีการพัฒนาสกิลแบบต่อหน้ากันแบบไม่อายปาก บุคคลจำพวกนี้ใช้ชีวิตไร้เป้าหมายในชีวิต เหมือนทำงานวันต่อวัน ไม่ได้หวังให้ชีวิตของตนเองเจริญไปในทางที่ถูกที่ควร หากถ้อยคำจากพวกเขาเหล่านั้นต้องทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจแล้วละก็ จงอย่าคล้อยตามไปกับคนปากผี ความจริงเป็นอย่างไรตัวเรารู้ถูกผิดดีที่สุด และท้ายสุดคนประเภทนี้ก็จะได้อีกอยู่ไม่นาน! ชีวิตที่มัวแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน คงไม่มีวันทำให้ตัวเองก้าวหน้าเจริญขึ้นหรอก!
5. มั่นใจในวุฒิการศึกษา จุดบอดของคนมีอีโก้คนประเภทนี้ มักจะไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อเสียอะไรบ้าง การพุ่งความทะเยอทะยานโดยการขาดการประเมินตนเอง ก็นับเป็นความหายนะของตนเองเลยก็ว่าได้ คนประเภทนี้มีความมั่นใจในตัวเองสูง และไม่สามารถรับคำติจากใครได้ ยึดมั่นถือมั่นในวุฒิการศึกษาและสถาบันของตนเอง ถือเป็นเรื่องลำบากใจหากจะต้องร่วมงานด้วย ฝีมือดีและมีอีโก้ยังพอถูไถกันไปได้ แต่หากคุณภาพงานก็งั้น ๆ ทั้งยังไม่ยอมฟังคำใครอีก ปล่อยเขาไปเถอะ จำความน่าเบื่อกับคนประเภทนี้เอาไว้ แล้วอย่าเลือกที่จะทำตัวแบบนี้ด้วยก็แล้วกัน
6. ไร้ความรับผิดชอบ เป็นเรื่องน่าเบื่อไม่ใช่น้อย ที่ต้องร่วมงานกับคนไร้ความผิดชอบ หลายคนคงพอจะนึกออกได้ทันที อย่างการทำงานเป็นทีม หากผลงานดีก็แต่แย่งเสนอหน้า หากผลงานล้มไม่เป็นท่าก็โบ้ยปัดความรับผิดชอบ เป็นความโชคร้ายของบริษัทแท้ ๆ ที่ได้พนักงานเช่นนี้ แต่ทุก ๆ ที่ก็ไม่สามารถเป็นเขตปลอดมนุษย์สายพันธุ์นี้ได้เลย ดังนั้น ควรอยู่รวมกันโดยให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด และสิ่งสำคัญของการทำงานเป็นทีม คือต้องร่วมรับผิดชอบและร่วมยินดีไปพร้อมกัน แต่หากเพื่อนร่วมทีมเราไม่เป็นเช่นนั้น โปรดอย่าใส่ใจ แต่จงภูมิใจที่เรากล้ารับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้น ๆ จะดีกว่า
7. ไม่แยกงานกับเรื่องส่วนตัว “วันแดงเดือด” สตรีที่น่ากลัวทั้งหลายต่างปรากฎตัว จนทำเอาหนุ่ม ๆ ในสำนักงานต่างเกรงกลัวกันเป็นแถว ยังไม่พอเพียงเท่านี้! เพราะต้องรวมถึงวันอกหัก ทะเลาะกับแฟน บอลแพ้ หุ้นตก หมกหนี้ ที่จะเปลี่ยนอารมรณ์การทำงานให้มืดมนไร้สติตลอดวัน พาลไปถึงคนข้าง ๆ ที่นั่งทำงานด้วย พลอยทำให้บรรยากาศอึมครึมลงไปหมด อย่าใส่ใจกับบุคคลจำพวกนี้ หากเป็นพวกเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้น การมองข้ามไป หรือแม้แต่ทำเป็น “หูทวนลม” เป็นเหมาะกับทางออกที่ดีที่สุด
8. บ้างาน เหมือนจีเนียสสมัยเรียนที่มักจะคุยด้วยไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ต่างจาก “คนบ้างาน” ที่มักทุ่มทุกสิ่งอย่างไปกับงานโดยไม่จัดการเวลาให้เหมาะสม แม้การรับผิดชอบงาน ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำสำหรับพนักงานทุกคน แต่การให้เวลาแก่ครอบครัวและเพื่อนฝูงก็สำคัญไม่แพ้กัน เป็นคนขี้เกียจก็ไม่ดี เป็นคนบ้างานก็ไม่ควร หากเจอบุคคลประเภทนี้ สิ่งเดียวที่พบจะทำได้ด้วยความหวังดี คือการช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ โดยการพิจารณาถึงความพอดี พอเหมาะ แต่อย่าไปขัด! วิถีใครวิถีมัน เพราะท้ายสุดเราก็ถือว่า “ทำดีที่สุดแล้ว”
9. เห็นแก่ตัว น่าอึดอัดที่สุดกับคนประเภทนี้! แต่ก็อย่าคิดว่าอุปนิสัยของตัวเองจะไม่มีความ “เห็นแก่ตัว” กันเลย เพราะมันมีอยู่ในตัวทุกคน เพียงแต่จะมีมากกว่าหรือน้อยกว่ากันก็เท่านั้น แม้ในชีวิตจริง การรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ก็อาจถูกมองว่าเป็นคน “เห็นแก่ตัว” ได้เช่นกัน ซึ่งความจริงแล้วไม่เกี่ยวกันเลย อย่างไรก็ตาม ควรรู้จักพิจารณาในด้านการทำงานให้ดี เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วย ๆ กันไป แต่อย่างให้ใครมาเอาเปรียบจนเกินงาม รู้จักปฏิเสธบ้าง วางบทบาทหน้าที่ของตนเองให้ชัดเจน ถึงคราวนั้นจะเห็นแก่ตัวหรือไม่ เราคงมีคำตอบในใจอยู่แล้วหละ
10. ขี้ลืม มองบนจนจะกรอกตาเป็นอินฟินิตี้ได้แล้ว กับการเตือนความจำกันทั้งวัน แถมต้องลุ้นอีกว่าจะจำได้หรือยังนะ! ในบรรยากาศการทำงานที่ต่างคนต่างมีหน้าที่และความรับผิดชอบมากพออยู่แล้ว การคอยเตือนความจำเพื่อนร่วมงาน อาจเป็นสิ่งที่อาจทำให้พลาดงานของตนเองได้ เนื่องจากระบบประมวลแต่เรื่องงานของคนอื่น แม้อาจจะพารานอยไปบ้างเป็นบางเวลา แต่ยุคที่ทันสมัยอย่างการตั้งปลุกก็เป็นอีกวิธีที่สามารถแนะนำหรือช่วยแก้ปัญหา “นิสัยขี้ลืม” ต่อไป
11. นักเลงดิจิตอล ยิ้มให้กันอยู่ไม่ทันไร เผลอแปปเดียวก็โพสต์ด่ากันซะแล้ว มีให้เห็นจนน่าเอือมระอากันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกรุ๊ปจับกลุ่มเม้าท์ไม่ชอบคนนี้ ไม่พอใจคนนั้น ละเลงลงบนคีย์บอร์ดใช้ถ้อยคำหยาบคายแสดงด้านมืด ตัวตน และกมลสันดานออกมาแบบน่ารังเกียจ แต่สำหรับคนพวกนี้ที่ถือว่าเป็น “พื้นที่ส่วนตัว” ข้ออ้างที่โง่เขลาที่สุดก็ยังมีมาให้เห็น เรียนจบมาถึงขนาดนี้ มีประสบการณ์การทำงานถึงขนาดนี้ อะไรที่ไม่ชอบก็ลองปล่อยไป เก็บแต่เรื่องดี ๆ ให้สุขใจเพื่อบั้นปลายชีวิตน่าจะมีประโยชน์กว่า
12. ขี้ขโมย เหมือนติดนิสัยจากที่โรงเรียนลามมาถึงที่ทำงานหรือยังไง กับนิสัยเด็ก ๆ ที่ขี้อิจฉา อยากได้อยากมี จนทำให้เกิดความละโมบจนตัวเองต้องกลายเป็น “ขี้ขโมย” แม้ในยุคสมัยที่ทุกบริษัทมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็ตาม แต่อุปนิสัยเสีย ๆ นี้ ยังคงปรากฎให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ชำนาญเข้าก็ลามไปถึงการยักยอกเงินในบริษัท อันเนื่องจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน หากคิดจะรวยทางลัด การทำเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย เพราะมันก็คือเส้นทางลัดสู่ความหายนะของอนาคตเช่นกัน
13. นักจารกรรม คนประเภทนี้มักไม่รู้ว่า ควรเอาเวลาอยากรู้อยากเห็นไปหาความรู้ให้สมองมีการพัฒนาดูท่าจะดีกว่า การจ้อง “แอบเช็กของ” ของเพื่อนร่วมงาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอิจฉาหรือขอแค่เผือกไปวัน ๆ จึงทำให้บุคคลเหล่านี้กล้าที่จะล้วงข้อมูลแบบไม่รู้จักความเกรงใจ ทั้งแอบดูข้อความแชทในโทรศัพท์มือถือข้อความบนเฟซบุ๊ก ทำตัวเป็นนักสืบแอบเปิดเก๊ะ เปิดกระเป๋า หวังหาอะไรไม่รู้ (เพราะไม่รู้ว่าบุคคลประเภทนี้ใช้สมองคิดอะไรอยู่) แบบไร้สมบัติของผู้ดี หากเจอบุคคลประเภทนี้กรุณาแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เท่านั้น!
14. หน้าไหว้หลังหลอก พบเจอได้ทั่วไปในที่ทำงาน การไว้ใจต่อบุคคลประเภทนี้ เปรียบเหมือนการยื่นมีดให้กับผู้ร้าย ต่อหน้ากันทำดี พูดดี คิดดี สร้างภาพไม่ต่างจากนางฟ้าหรือเทวดา ซึ่งลับหลังก็พร้อมที่จะทำลายหรือชักใย ปรับเปลี่ยนเรื่องราวที่ตรงกันข้ามจากเวลาอยู่ต่อหน้า ด้วยความเน่าเฟะจากจิตใจ การอยู่ร่วมกับบุคคลประเภทนี้จะไม่เกิดประโยชน์อันใด มีแต่ความระแวงและไร้ซึ่งความเชื่อใจต่อกัน โปรดถอยออกมาเพราะคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เขาเป็นได้ ไม่เช่นนั้น บทเรียนราคาแพงบทใหม่ จะเกิดขึ้นกับคุณในอีกไม่ช้าอย่างแน่นอน
15. ต่อต้านสังคม แน่นอนว่ามนุษย์ทุกคนเกิดและเติบโตในสถานที่ การเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน จึงเป็นผลทำให้ความคิดความอ่านแตกต่างกันออกไป และมีสิทธิ์ที่ในออฟฟิศของคุณจะมีบุคคลสุดโต่ง ประปรายอยู่ตามแผนกต่าง ๆ กันบ้าง ถือเป็นเรื่องที่สามารถควบคุมได้ยากสำหรับมุมมองของผู้บริหารระดับใหญ่ ที่จำเป็นต้องเลือกบุคลากรที่มีทัศนคติไปในทิศทางเดียวกัน บุคคลเหล่านี้ยากที่จะอยู่ร่วมกับสังคมและยอมรับความคิดหลากหลายเสียงไม่ค่อยได้ การพูดคุยกันน้อย ๆ จึงเป็นทางออกที่ซอฟต์ที่สุด
16. มนุษย์ลึกลับ ไม่ว่าเธอจะไปไหน หรือเขาจะทำอะไร ก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้ สำหรับ “บุคคลลึกลับ” เหล่านี้ บุคคลที่เลือกจะไม่สุงสิงอะไรเลยในที่ทำงาน ใช้ชีวิตเพื่อเดินทางมาทำงานหมดเวลาก็กลับบ้านเพียงเท่านั้น แม้ผิวเผินจะดูเหมือนเป็นกันการป้องกันตัว ปราศจากปัญหาจุกจิกระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ดีก็จริง แต่บุคคลเหล่านี้จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่ามนุษย์จับผิด ที่จะคอยจับจ้องทุกย่างก้าวอย่างนไม้คันมือและคันปากเลยจริง ๆ
17. ติดห้องน้ำ ก้นไม่ค่อยอยู่กับเก้าอี้กันเท่าไร กับมนุษย์เงินเดือนประเภท “ติดส้วม” ในหนึ่งวันที่เสียเวลาไปกับการส่องกระจก แต่งหน้า หวีผม ล้างหน้า ล้างมือ ล้างปาก แปรงกัน บลา ๆ นี่ขนาดยังไม่รวมเข้าส้วมกว่า 5 ครั้งด้วยแล้ว ถ้าให้มองในด้านความสะอาด แน่นอนบุคคลประเภทนี้ต้องไร้เชื้อโรคกว่าคนอื่น ๆ อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากมองในความหมายของคำว่า “อู้” กันบ้างหละ มันก็น่าคิดเหมือนกันจริงมั้ย?
18. คอทองแดง ยิ่งใกล้หมดเวลางานก็ยิ่งคึก พากันบิ้วไปดื่มกันต่อโดยไม่สนว่าเช้าวันใหม่จะมาทำงานไหวกันหรือเปล่า กับหนุ่มสาวนักปาร์ตี้มื้อดินเนอร์ทั้งหลาย ที่แสดงสปิริตต้านฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ดีกว่าฤทธิ์เจ้านาย แต่มักจะมีจุดจบไม่พ้น “ลาป่วย” ในวันถัดไป บ้างก็มาสาย ท้องเสียบ้าง เวียนหัวบ้าง ตามสไตล์พนักงานออฟฟิศ และแม้จะเฮฮากันดีกับบุคคลประเภทนี้ แต่ก็อาจต้องทำให้คุณยอมรับด้วยว่า ปริมาณฤทธิ์แอลกอฮอล์บางทีมันก็มีมากกว่าลิสต์งาน เพราะฉะนั้น “ฝากทำงานให้ด้วยแล้วกันนะ ขอนอนก่อนหล่ะ... อึก!”
19. มนุษย์ธรรมะ การมีธรรมะเป็นที่พึ่งและยึดเหนี่ยวจิตใจในการทำงาน นับเป็นสิ่งดีที่จะคอยเป็นสติต่อการใช้สมองทำงาน คุณอาจเคยเห็นเพื่อนร่วมงานพากันไปทำบุญ ไหว้พระ หรือจัดเลี้ยงอาหารกลางวันต่าง ๆ ดูเป็นกิจกรรมที่ไม่ว่าใครต้องยินดีและพร้อมอนุโมทนา แต่! สำหรับซองขาว ๆ ทั้งซองผ้าป่าหรือกฐิน ที่ต้องการขอร่วมบริจาค ดูจะเป็นสิ่งที่อยากจะหันหนี หรือตีเนียนเดินเข้าห้องน้ำอย่างไรอย่างนั้น “ธรรมมะ” หรือ “ทำไหม” ที่ออกแนวไปในทาง “ต้องทำ” ลองถามใจดูว่า คุณเคยหลบหลีกของสิ่งนี้พ้นด้วยหรือเปล่า?
20. ติดการพนัน ถามได้ตอบได้ เหมือนมีกูรูเรื่องกีฬาฟุตบอลอยู่ในออฟฟิศ นอกจากตัวนักเตะทีมนู้น เบอร์นั้น ยังตามมาด้วยกฎแปลก ๆ ที่คนไม่เล่นพนันบอลด้วยกันก็คงไม่รู้ สำหรับบุคคลประเภทนี้ หากไม่ใช่แนวเดียวกัน ก็อาจจะคุยไม่รู้เรื่อง ไม่ถูกคอ แม้จะไม่มีพิษภัยในด้านการทำงาน แต่การพนันย่อมไม่เคยปราณีใคร และคนติดการพนันก็ย่อมไม่เคยปราณีเงินคุณเช่นกัน
21. มาไวไปไว ยังไม่ทันได้รู้จักเพื่อนร่วมงาน ระบบการทำงาน หน้าที่การทำงาน ก็ลาออกไปกันซะแล้ว แน่นอนว่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต่างต้องเคยเจอบุคคลจำพวก “มาไวไปไว” กันมาบ้าง เป็น 2 มุมมองที่สามารถตีความได้ระหว่าง จำพวก “รู้ตัวไว” ว่าสิ่งใดใช่ สิ่งใดไม่ใช่ และตัดสินใจเลือกตามความความคิดของตน และอีกหนึ่งประเภท จำพวก “ไร้ความรอบคอบ” ว่าสิ่งใดชอบ สิ่งใดไม่ชอบ และตัดสินใจเลือกตามความรู้สึกของตน! นับเป็นความเฟลของผู้สอนงาน ที่จำต้องหาพนักงานใหม่มาเทรนงานกันแบบนับหนึ่งให้อีกรอบ
22. มนุษย์กระเพาะรั่ว เปลี่ยนจากกองเอกสารบนโต๊ะ เป็นศูนย์รวมของกินสำหรับ “มนุษย์กระเพาะรั่ว” ที่มีอยู่ทั่วทุกออฟฟิศ ไม่รู้ว่าเกิดจากระบบกระเพาะชั้นดี หรือระบบขับถ่ายชั้นเลิศ ที่ทำให้วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากกิน! กิน ๆ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมากินต่อ เป็นวงจรชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นทางสมองใดใดทั้งสิ้น แต่การอยู่รวมกันก็ถือว่าเป็นข้อดี บุคคลนี้มักจะมีโปรโมชั่นของกินดี ๆ อร่อย ๆ มานำเสนอได้ทุกวี่วัน อีกสีสันการทำงานที่คุณต้องพบเจอเข้าสักวันอย่างแน่นอน
23. คนรักสัตว์ โดยส่วนมากเหล่าทาสแมว สุนัข หรือสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นกับบุคคลวัยทำงานที่สามารถหารายได้เพื่อไปเลี้ยง “เจ้าลูกรัก” ไม่พอแค่นั้น! ยังรวมถึง ปากกา สมุด แก้วน้ำ แฟ้ม กระเป๋า เสื้อผ้า ผ้าพันคอ เวฟวี่ติงที่จะสามารถทำเป็นลายสัตว์เหล่านี้ได้ และจุดพีคที่สุดคือ “โทนเสียง” ฟรุ้งฟริ้งเมี๊ยวหง่าวที่มักจะหลุดออกมา เหมือนดั่งคุณได้กลายเป็นเพื่อนรักสัตว์เลี้ยงในบางเวลา หากไม่ถือสาก็ปล่อยผ่านไป คิดในแง่ดีไว้ว่าพวกเขาเอ็นดูคุณ!
24. ขายของออนไลน์ บุคคลเหล่านี้มักจะมีสินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นไอเท็มใหม่ทันสมัยมานำเสนอไม่เว้นแต่ละวัน พร้อมเสนอโปรโมชั่นดี ๆ ฟรี EMS ล่อตาล่อใจให้เพื่อนร่วมงานตาลุกวาวให้สั่งซื้อโดยไม่ต้องลงทะเบียน ถือเป็นสีสันในสังคมการทำงาน ที่จะได้เจอเพื่อนร่วมงานหยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะหมด ก็ไม่อยากจะมองแง่ร้ายว่า คุณมีโอกาสตกหลุมพรางได้ง่ายดายมากที่สุด เอาเป็นว่าผลประโยชน์ Win-Win ไปก็แล้วกัน
25. ใช้ของดีแต่ไม่มีตังค์ เจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องถูกยืมเงินไป แล้วมาเห็นรูปโปรไฟล์ใหม่คู่แก้วสตาร์บัค! ในยุคโซเชียลที่มีการโอ้อวดความล่ำซำในฐานะทางการเงิน กับเงินเดือนอันน้อยนิดนี้ ดูจะเป็นอุปสรรคให้ความไฮโซถดถอยลงไป จึงทำให้มีเหตุการณ์ “การยืมเงิน” ระหว่างเพื่อนร่วมงานเกิดขึ้น หากเป็นเพราะความจำเป็นก็คงจะช่วยเหลือตามสมควรกันได้ แต่ถ้ายอมเป็นผู้เติมเต็มความหรูหราของชีวิตให้พวกเขาแล้ว และมาลำบากเพื่อความสบายของคนอื่นซะเอง นั่นก็ถือว่าคุณเลือกเองแล้วหละ
หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :
Discussion
Follow breaking news Investment property articles on Facebook, click here.