เอสซีฯ มั่นใจรายได้ปีนี้ขึ้นแท่น 15,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังรุกเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 14,000 ล้านบาท พัฒนาคอนโดฯ เพิ่ม พร้อมแตกแบรนด์ใหม่ทั้งแนวราบ-แนวสูง

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของ SC ว่า “ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถทำรายได้อยู่ในระดับที่ดี โดยทำรายได้รวมเกิน 50% ของเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท ของปี 2559 ซึ่งผลความสำเร็จต่อเนื่องนั้นมาจาก 3 เรื่องหลัก คือ

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

  1. ผลประกอบการไตรมาส 1/59 ที่มีรายได้รวม 3,327 ล้านบาท เติบโตถึง 60% (YoY)
  2. ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายรวมแนวราบเติบโตขึ้นประมาณ 7% (YoY) โดยเฉพาะแนวราบระดับราคา น้อยกว่า 15 ล้านบาทที่มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เติบโตมากกว่า 60% (YoY) พร้อมกับในครึ่งปีแรกนี้ SC ได้เปิดโครงการใหม่ ในระดับราคาดังกล่าว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเพฟ ประชาอุทิศ 90 กับอีกโครงการ ภายใต้ แบรนด์ใหม่ เวนิว พระราม 5 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
  3. นอกจากนี้ ผลต่อเนื่องจากมาตรการภาษีอสังหาฯ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ส่งผลให้การโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคอนโดฯ ได้แก่ โครงการเซ็นทริค ซี พัทยา, เซ็นทริค ห้วยขวาง สเตชั่น และล่าสุด โครงการเซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น ที่สามารถทำได้เกินเป้าหมาย”

นายณัฐพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนธุรกิจว่า “SC ได้ปรับแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้เพิ่มจากเดิม 10 โครงการ เป็น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 25,000 ล้านบาท โดยพัฒนาคอนโดฯ เพิ่มอีกแห่ง รวมเป็น 3 โครงการ ในส่วนแนวราบยังคงจำนวน 8 โครงการเท่าเดิม ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะพัฒนาอีก 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท พร้อมกับคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท”

โครงการใหม่ของค่ายเอสซี ฯ สำหรับการเปิดตัวในครึ่งปีหลัง 2016 นี้

ในจำนวน 4 โครงการแนวราบใหม่นี้ พัฒนาบนแนวคิดหลัก 1 โครงการ 1 แรงบันดาลใจ โดยเป็นแบรนด์ใหม่ 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่
  • 1. The Gentry Sukhumvit (เดอะเจนทริ สุขุมวิท) โครงการบ้านหรู 3 ชั้น แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 101 ใกล้กับสถานี BTS ปุณณวิถี พื้นที่โครงการ 16-0-3 ไร่ มูลค่า 1,300 ล้านบาท จำนวน 57 หลัง ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท

  • Headquaters (เฮดควอเตอร์ส) โครงการที่อยู่อาศัยคอนเซ็ปท์ใหม่ 5 ชั้น พร้อมลิฟท์ และเป็นแบรนด์ใหม่ ย่านทาวน์อินทาวน์ ขนาดพื้นที่ 6-2-38.6 ไร่ มูลค่า 850 ล้านบาท เพียง 29 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท

  • Grand Bangkok Boulevard Rama 9 (แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9) โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น และ 3 ชั้น บนถนนกรุงเทพกรีฑา พื้นที่โครงการ 28-1-31.1 ไร่ มูลค่า 1,400 ล้านบาท เพียง 52 หลัง ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท
  • Grand Bangkok Boulevard Ratchaphruek-Rama 5 (แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5) โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีแยกติวานนท์และใกล้ทางด่วน พื้นที่โครงการ 25-2-3.7 ไร่ มูลค่า 1,500 ล้านบาท เพียง 41 หลัง ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท

คอนโดฯ 2 โครงการใหม่ ได้แก่
  • 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) คอนโดฯ high-rise ลิมิเต็ดคอลเลคชั่นแบรนด์ใหม่ล่าสุด บนถนนชิดลม ใกล้กับสถานี BTS ชิดลม และอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลมเพียง 170 เมตร พื้นที่โครงการ 3-0.9 ไร่ มูลค่า 8,000 ล้านบาท

  • Chambers Cher (แชมเบอร์ส เฌอ รัชดา-รามอินทรา) คอนโดฯ low-rise ริมถนนรัชดา-รามอินทรา พื้นที่โครงการ 4-1-85.2 ไร่ มูลค่า 800 ล้านบาท เป็น Low-rise คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนาดเริ่มต้นที่ 28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 68,0000 บาท/ตร.ม.

โครงการใหม่ทั้งหมดนี้จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/59 มีเพียงโครงการเดียว คือ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-พระราม 5 ได้เปิดพรีเซลส์ไปเมื่อต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สรุปในปีนี้โครงการพัฒนาเพื่อขายมีจำนวนทั้งหมด 44 โครงการ มูลค่ารวม 48,000 ลบ. แบ่งเป็นแนวราบ 32 โครงการ และคอนโดมิเนียม 12 โครงการ

นายณัฐพงศ์เชื่อมั่นว่าปี 2559 นี้ SC จะทำรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 15,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ในครึ่งปีหลังว่า “แม้เราจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหลายอย่าง แต่เรามั่นใจว่าปีนี้ SC จะทำรายได้ได้ตามเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก คาดการณ์ GDP เติบโตมากกว่า 3% มีดัชนีหลายตัวดีขึ้นและส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาฯ ได้แก่ การบริโภคและลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น สถานการณ์หนี้ครัวเรือนดีขึ้น การเติบโตของหนี้ครัวเรือนชะลอตัวลง เหลือต่ำกว่า 5% สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ ไตรมาส 1 2559 ลดลงครั้งแรกในรอบ 3 ปี เหลือ 81.1% ประชาชนเริ่มมีความสามารถในการกู้ซื้อบ้านมากขึ้น เพราะหนี้เริ่มลด ส่งผลบวกต่อธุรกิจอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพระยะยาว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เราจะเติบโตอย่างยั่งยืน คุณภาพจะเติบโตควบคู่ไปกับปริมาณลูกค้าที่มากขึ้นทุกปี”

สรุปภาพรวม Backlog ของ SC Asset

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.scasset.com/Home/