คริสตัล ลากูนส์ (Crystal Lagoons) หรือที่รู้จักในด้านการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำของโลก ได้ประกาศว่า บริษัทได้ฤกษ์เปิดสำนักงานที่ห้าในทวีปอเมริกาเหนือซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ซึ่งสำนักงานย่อยสาขานี้ได้ร่วมกับอีก 15 สาขาทั่วโลก รวมทั้งสำนักงานใหญ่ในไมอามี่ และสำนักงานย่อยในลอสแองเจลิส, คลีฟแลนด์และโตรอนโต

ทางบริษัทได้มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีโดยมีไมอามี่เป็นฐานที่ตั้ง ซึ่งเน้นในการช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวของโลก โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เหมือนใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางทะเลแคริบเบียน ซึ่งมีการก่อสร้างที่ง่ายและค่าบำรุงรักษาต่ำ ที่ใดก็ได้ในโลกที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกยั่งยืนแห่งนี้ ซึ่งทางบริษัทมีผลงานระดับโลกเกือบ 400 ลากูนใน 60 ประเทศที่แตกต่างกันไป คริสตัล ลากูนส์ ได้ทำการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้ที่อาศัยในละแวกนั้นโดยการที่พวกเขาสามารถทำกิจกรรมที่ทะเลสาบน้ำใส ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ เรือคายัค พายเรือ และเรือใบซึ่งมีความปลอดภัยและสร้างความสนุกสนาน และสิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม "พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ต่อไปนี้จะมีรัฐเท็กซัสซึ่งเปรียบเสมือนบ้านอีกหนึ่งหลัง" ยูริ แมน ซีอีโอของคริสตัน ลากูนส์ สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ "เราได้เห็นความกระตือรือร้นจากการประกาศว่า โครงการ คริสตัล ลากูนส์ โครงการแรกของรัฐจะเป็นส่วนหนึ่งของ" เบย์ไซด์ "ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาที่ใหม่ในเมืองโรวเลต."

คริสตัล ลากูลส์ ได้แต่งตั้ง เดอเรค รอช เป็นผู้อำนวยการภูมิภาคในส่วนของอเมริกากลาง ซึ่งประจำอยู่ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ทางคริสตัล ลากูนส์ คาดหวังว่าการตั้งออฟฟิศในครั้งนี้จะเป็นการช่วยโปรโมทให้คนอเมริกันรู้จักมากขึ้น หลังจากที่ได้เปิดสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่เมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า ทางคริสตัล ลากูนส์ได้เปิดตัว 11 โครงการทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มจากรัฐฟลอริด้าไปยังรัฐเนวาดา โดยมีเงินทุนพัฒนาถึง $ 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์ “เบย์ไซด์” ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับเมืองดัลลัสจะเป็นที่แรกในรัฐเท็กซัสที่จะมีลากูนน้ำใส นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีการวางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับโครงการต่างๆในแคลิฟอเนีย, แอริโซนา, ฮาวาย, นอร์คแคโรไลนา, จอร์เจียและมิชิแกน

เบย์ไซด์ (Bayside) – เมืองดัลลัส คริสตัล ลากูนส์ได้ร่วมมือกับเบย์ไซด์แลนด์พาร์ทเนอร์โดยการสร้างลากูนน้ำใสเป็นครั้งแรกในรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของ “เบย์ไซด์” ซึ่งเป็นการผสมผสานการพัฒนาที่เหนือระดับในเมืองดัลลัส มีการใช้น้ำทะเลเป็นพื้นฐานโดย 8 เอเคอร์ของลากูนน้ำใสซึ่งมีขนาดเป็น 25 เท่าของสระว่ายน้ำมาตรฐานโอลิมปิคและเทียบเท่ากับ 10 สนามฟุตบอล

วิลล์ รีสอร์ท (Wynn Resort)– เมืองลาสเวกัส ทางคริสตัล ลากูนส์ได้ร่วมกับสตีฟ วิลล์โดยการออกแบบจุดเด่นจุดใหม่ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวของถนนเส้นหลักในลาสเวลัส โดยมีทะเลสาบน้ำใสที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยขนาด 38 เอเคอร์ ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้จะเป็นศูนย์กลางที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับ วิลล์ รีสอร์ท ลาสเวกัส ซึ่งจะแบ่งเป็น 260,000 ตารางฟุตเพื่อเป็นห้องประชุมและสถานที่สำหรับจัดกิจกรรม และ ห้องพักในโรงแรมกว่า 1,000 ห้อง มีคาสิโนขนาดเล็ก, ร้านอาหารที่กว้างขวางสามารถรอบรับผู้คนได้เยอะ และสถานบันเทิงยามค่ำคืน

ทะเลสาบโนนา (Nano Lake)– – เมืองออร์แลนโด คริสตัล ลากูนส์ ได้ร่วมมือกับบริษัททาวิสต็อค (Tavistock) ในการพัฒนาพื้นที่ 11 เอเคอร์ ให้เป็นทะเลสาบน้ำใสและยังเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่สำหรับรีสอร์ทที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ 7,000 เอเคอร์ของทะเลสาบโนนา เมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริด้า

เมโทร ดีเวลลอปเมนท์ (Metro Development)– เมืองแทมปา คริสตัล ลากูนส์ ได้ร่วมมือกับเมโทร ดีเวลลอปเมนท์ (Metro Development) ที่จะพัฒนาทะเลสาบน้ำใส 4 แห่ง ซึ่งอยู่ใกล้ชุมชนที่อยู่อาศัยในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ที่มีชื่อว่า ฟอเรส บรู๊ค (Forest Brook), เอพเพอร์ซัน แรนช์ (Epperson Ranch), แคนนอน แรนช์ (Cannon Ranch) และ นอร์ท บรู๊ค (North Brook)

โซเลเมี่ย (Solemia) - ไมอามี่ ขนาดของทั้งสองเท่ากับ 10 เอเคอร์โดยประมาณ ซึ่งคริสตัล ลากูนส์ จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่กำลังจะก่อสร้าง โดยมีงบประมาณที่ตั้งไว้อยู่ที่ สี่พันล้านเหรียญดอลล่าร์ การวางแผนขนาดต้นแบบของโครงการจะอยู่ที่ 183 เอเคอร์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่กำลังจะได้รับการพัฒนา ในรัฐฟลอริด้าตอนใต้ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของ บิซแคนซ์ บูเลอวาร์ด (Biscayne Boulevard) โครงการขนาดใหญ่แห่งนี้คาดว่าจะมีโรงภาพยนต์ที่เปรียบเสมือนร้านอาหาร โบว์ลิ่งที่หรูหรา และสถานบันเทิง โดยมีความร่มรื่นและสามารถเดินเชื่อมถึงกันด้วยขนาด 37 เอเคอร์ของสวนสาธารณะชุมชนและนันทนาการ, ช้อปปิ้งและร้านอาหารมีระดับ, พื้นที่สำนักงานให้เช่าเช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก

ทวินครีก (Twin Creek) – แจ็กสันวิลล์ ลากูนน้ำใสขนาด 14 เอเคอร์จะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ “ทวินครีก” ซึ่งชุมชนต้นแบบได้วางแผนตั้งอยู่ในเขตเซนต์จอห์น รัฐฟลอริด้า ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองแจ็กสันวิลล์และเมืองเซนต์ออกัสติน โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3,000 เอเคอร์ โดยทวินครีกมีการรวมกันระหว่าง 3,000 ครอบครัว, ร้านค้าปลีกและพื้นที่พาณิชย์, พื้นที่สำนักงาน, ทั้งสองโรงเรียนและสวนสาธารณะจำนวนมาก อีกทั้งร้านอาหารริมน้ำ ร้านค้าปลีกและชุมชนบ้านครอบครัวบ้านเดียวเหนือระดับจะมีหาดทรายส่วนตัวซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือของชุมชน

คริสตัล ลากูนส์ เป็นบริษัทเดียวที่สามารถนำเสนอเทคโนโลยีนี้โดยได้รับการจดสิทธิบัตรใน 160 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตรจากสหรัฐอเมริกาและเครื่องหมายการค้าของโปรแกรม Fast-Track โดยการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับรางวัลเกียรตินิยมเทคโนโลยีที่เป็นตัวแทนของความก้าวหน้าในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลากูนส์ที่ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะใช้น้ำเพียงแค่ร้อยละ 50 ซึ่งน้อยกว่าสวนสาธารณะในขนาดเดียวกัน อีกทั้งยังมีความสะอาดของน้ำมากกว่า 30 เท่าเมื่อเทียบกับสนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม และมีสารเคมีน้อยกว่าถึง 100 เท่าถ้าเทียบกับสระว่ายน้ำทั่วไปและใช้เพียง 2% ของพลังงานที่จำเป็นในการกรองสระว่ายน้ำทั่วไป คริสตัลลากูนส์สามารถนำน้ำหลากหลายชนิดมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเค็มหรือน้ำกร่อย ดังนั้นลูกค้าสามารถหลีกเลี่ยงที่จะใช้น้ำจืดแต่เพียงตัวเลือกเดียว

นักชีวเคมีเฟอร์นันโด ฟิชแมน ได้ก่อตั้ง บริษัทคริสตัล ลากูนส์ โดยการใช้เทคโนโลยีที่มีความต้องการสำหรับทั่วโลกและมีการเติบโตสูงขึ้น โดย มร. เฟอร์นันโด ฟิขแมน ได้มีการพัฒนามากกว่า 1,500 สิทธิบัตรใน 160 ประเทศโดยได้เกิดการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชึวิตของผู้คนทั่วโลกไปในทางที่ดีขึ้น ณ วันนี้ ความพยายามทางวิทยาศาสตร์ได้มุ่งเน้นไปในทางการพัฒนาความหลากหลายของการใช้งานในด้านอุตสาหกรรมที่ใช้แก้ปัญหาระดับโลก เช่น ในด้านพลังงาน, การขาดแคลนน้ำ, และความเสือมโทรมของสิ่งแวดล้อม คริสตัล ลากูนส์ได้ลงนามในสัญญาเป็นครั้งแรกสำหรับโครงการในลาสเวกัสร่วมกับนักพัฒนารีสอร์ทที่มีการวางแผนที่จะใช้ลากูนน้ำใสเป็นส่วนหนึ่งของระบบ HVAC โดยระบบดังกล่าวจะช่วยลดพลังงานที่จำเป็นและเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงแรมมากกว่า 1,000 ห้องพัก

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.crystal-lagoons.com