สิงห์ เอสเตท เผยทิศทางปี 2017 ทุ่มงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท ขยายปีกบริหารโครงการที่มัลดีฟส์
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) แถลงทิศทางธุรกิจในปี 2560 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมุ่งเน้นคุณภาพ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน ภายใต้กลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มในสินทรัพย์ และพัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ลักชั่วรี่ทั้งในกลุ่มโรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย และอาคารสำนักงาน รวมทั้งคัดสรรพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยทุ่มงบประมาณ 15,000 ล้านบาทเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางเอาไว้ในแต่ละเซกเมนต์ ทั้งการขยายความเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ และการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พักอาศัย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า รวมทั้งพื้นที่ค้าปลีก ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 492 ลบ. หรือกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน”
ในปี 2560 สิงห์ เอสเตท จะยังคงดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพระดับ Best in Class เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการขยายธุรกิจในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีศักยภาพสูง และวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยปลูกฝังแนวคิดการทำงานภายใต้หลักบรรษัทภิบาลให้กับพนักงานทุกคน นอกจากนี้ เรายังเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างแบรนด์ในพอร์ทโฟลิโอให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 มีแน้วโน้มที่ดี ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปัจจัยจากการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับโครงการใหม่ของสิงห์ เอสเตท ในปีนี้ ทั้งที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง” นายนริศ กล่าว
ในส่วนของคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย สิงห์ เอสเตท มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ได้แก่ คอนโดมิเนียมในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ในทำเลศักยภาพซึ่งป็นที่ต้องการของตลาด โดยพร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ถัดมาคือโครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาวบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) และคอนโดมิเนียมหรูหราติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ โดยทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งจับกลุ่มเซกเมนท์เอบวก โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่สิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเปิดตัวปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และอีก 2 โครงการจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยมีมูลค่าโครงการทั้ง 3 แห่งรวมกันมากกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทยอยเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์เนอร์วาน่า ในปีนี้อีกอย่างน้อยอีก 4 โครงการ
ด้านธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก โครงการหลักสำคัญคือ สิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานพรีเมี่ยม ที่ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วประมาณ 15% ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอที่มีความสูง 44 ชั้น และมีพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหารชั้นนำ และธนาคาร ที่รองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศและผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ส่วนอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส บริษัทฯ ได้ปรับปรุงในส่วนลอบบี้ และพื้นที่ส่วนกลาง โดยเปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้โครงการซันทาวเวอร์ส ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 2 อาคาร มีพื้นที่สำนักงาน 123,000 ตร.ม. และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องประชุม ฟิตเนสเซนเตอร์ นอกจากนั้น บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และขยายโซนพลาซ่า 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่ร้านอาหารและฟู้ดเซ็นเตอร์เพื่อบริการผู้เช่า และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมีผลประกอบการที่ดีในธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศัยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน เพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก 3 แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29 แห่งในอังกฤษ และ สก็อตแลนด์ ส่วนในประเทศ มีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี 2016 โดยที่ผ่านมาทำรายได้ 9 เดือนมากกว่า 730 ลบ. ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2015
ทั้งนี้บมจ.สิงห์ เอสเตท ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารโครงการเมกะโปรเจกท์ที่ประเทศมัลดีฟส์ โดยเป็นโครงการก่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 7 ตร.กม. ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม มารีน่า บีชคลับ ร้านค้าปลอดภาษี เป็นต้น
“ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทมีโครงการที่พักอาศัยของบริษัท 4 โครงการ โครงการของเนอวาน่า 14 โครงการ โครงการโรงแรม 2 แห่งในไทยและ 29 แห่งในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 2 โครงการ และเรายังมองไปถึงธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้า และโลจิสติกส์ จากภาพรวมโครงการที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงการคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพดี และการวางรากฐานองค์กรภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดด และผลักดันบริษัทฯ ให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง ครบวงจร และเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคง และยั่งยืนต่อไป” นายนริศ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก : สิงห์ เอสเตท