ออริจิ้น เปิดแผนธุรกิจ 2017 ก้าวสู่การเป็น Your Digital Butler เดินหน้า 9 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้าน
ล่าสุด ออริจิ้น เปิดแผนธุรกิจ 2017 ชี้หมดยุคอสังหาฯ แข่งแค่ทำเล-คุณภาพ-ราคา ก้าวสู่การเป็น Your Digital Butler ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยยุคดิจิทัล นำร่องด้วย ORIGIN Family Club Card เดินหน้า 9 โครงการใหม่ ยึดตลาดพรีเมียมแมส มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 13,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์, นอตติ้ง ฮิลล์, และ เคนซิงตัน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์แข่งขันกันด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่
- ทำเล
- คุณภาพของโครงการ
- ราคา แต่นับจากนี้ไป เพียงแค่ 3 ปัจจัยนี้จะไม่เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การแข่งขันในตลาดจะกลายเป็นการแข่งกันด้วยปัจจัยที่ 4 หรือปัจจัยที่ 5
“3 ปัจจัยแรกจะเป็นเสมือนของตายที่ไม่มีไม่ได้ ดังนั้น จุดที่จะทำให้ผู้พัฒนาแต่ละเจ้าโดดเด่นขึ้นมาครองใจผู้บริโภคและเติบโตไปอย่างยั่งยืนได้ คือ การพัฒนาปัจจัยที่ 4 หรือปัจจัยที่ 5 ขึ้นมาเป็นจุดแข็ง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่” นายพีระพงศ์ กล่าว
ผลงานที่ผ่านมาในปี 2016ในปี 2560 นี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จึงวางวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ด้วยการมุ่งเป้าเป็น “Your Digital Butler” เพื่อหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมและการบริการหลังการขาย มาเป็นปัจจัยที่ 4 และปัจจัยที่ 5 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยยุค “Digital Life Attitude”
Digital Life Attitude
Butler คือผู้ทำหน้าที่ให้บริการในสังคมอังกฤษ ออริจิ้นเองก็เป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมสไตล์อังกฤษที่จะคอยบริการผู้บริโภค เราจะไม่ใช่แค่ Butler ธรรมดา แต่เป็น Butler ที่มีนวัตกรรม นำเทคโนโลยี นำเรื่องดิจิทัลเข้ามาประยุกต์กับการบริการผู้บริโภค และนี่จะเป็นจุดแข็งใหม่ของเราที่ช่วยให้เราเติบโตไปอย่างยั่งยืน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
ภายใต้แนวคิดดังกล่าว บริษัทมีแนวทางการดำเนินการ 4 เรื่อง ได้แก่- การตอบโจทย์ชีวิตดิจิทัลด้วยเซอร์วิสแอพพลิเคชั่น
- การเป็นมากกว่าคอนโดมิเนียมด้วยบริการระดับโรงแรม (Hotel Service)
- การจับมือกับพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัย
- การดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุด บริษัทเริ่มตอบโจทย์ Digital Life Attitude ด้วยการจับมือกับบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเท็ม จำกัด (บีเอสเอส) ผู้ให้บริการบัตรแรบบิท จัดทำบัตร ORIGIN Family Club Card ใช้บัตรเพียงใบเดียวเข้าได้ทั้งคอนโดมิเนียมและรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมได้รับทั้งแต้มของบริษัทและแต้มของแรบบิทสำหรับใช้รับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยจะทยอยส่งมอบบัตรดังกล่าวให้แก่ผู้อยู่อาศัยของบริษัทตั้งแต่ 1 ก.พ.นี้เป็นต้นไป
ORIGIN Family Club Card
หลังจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน “ORIGIN Digital Butler” เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้ทำทุกอย่างได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว โดยขณะนี้มีพันธมิตรในการจัดทำแอพพลิเคชั่นแล้ว
ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เชื่อมั่นว่า ชีวิตในฝันเป็นสิ่งที่สร้างได้ การดำเนินการทั้ง 4 เรื่อง จึงจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ฝันของผู้อยู่อาศัยเป็นจริง ทำให้เกิดการบอกต่อ และทำให้แบรนด์ที่อยู่อาศัยของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้เติบโตไปได้อย่างยั่งยืน
นายพีระพงศ์ กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2560 นี้ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ ได้แก่ ไนท์บริดจ์ 3 โครงการ มูลค่า 6,400 ล้านบาท นอตติ้ง ฮิลล์ 3 โครงการ มูลค่า 5,400 ล้านบาท เคนซิงตัน 2 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ปีนี้จะเริ่มพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบอีก 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท และเริ่มดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าด้วย เพื่อทยอยปรับสัดส่วนโครงการในมือและรายได้ของบริษัท
โครงการใหม่ประมาณ 9 โครงการ
“เรายังคงเดินหน้ายึดตลาดคอนโดมิเนียมกลุ่มพรีเมียมแมส ระดับราคา 2-5 ล้านบาท ครอบคลุมเส้นทางรถไฟฟ้า 5 สาย ทั่วทั้งกรุงเทพฯชั้นในและชั้นนอก เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของเราในการทำให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับคอนโดมิเนียมที่หรูหราแต่จับต้องได้ หรือ Affordable Premium Condo” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับ ยอดขายของออริจิ้นในปี 2559 อยู่ที่ 10,844 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายยอดขายในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 20% หรืออยู่ที่ 13,000 ล้านบาท ขณะที่วางเป้ารายได้ของปี 2560 นี้อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ซึ่งมี Backlog รองรับอยู่แล้วที่ 77%
Backlog รอรับรายได้
ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
สำหรับธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขายนั้น พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 34 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 27,000 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก www.origin.co.th