ฮาบิแทท กรุ๊ป รุกคืบ ขึ้นโครงการใหม่ "บลูเฟียร์ พัทยา" ป้อนตลาดนักลงทุน ด้านไนท์แฟรงค์ฯ เผยพัทยาทำเลทองแห่งอนาคต
“ฮาบิแทท กรุ๊ป” ตอกย้ำดีเอ็นเอสายพันธุ์ใหม่ ผลิตโปรดักส์ป้อนนักลงทุนโดยเฉพาะ หลังขึ้นโครงการแรก Best Western Premier Bayphere Pattaya ในรูปแบบ คอนโดเพื่อการลงทุนอย่างแท้จริง บริหารการเช่าโดยโรงแรมระดับสากล ฟี๊ดแบ๊คเกินคาด ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ สร้างความมั่นใจ ขยับแผนขึ้นโครงการใหม่ Bluphere Pattaya Managed by BW Premier Collection (บลูเฟียร์ พัทยา มาเนจ บาย เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลคชั่น) เป็นแห่งที่สอง อย่างรวดเร็ว ยึดโมเดลเดิม การลงทุนที่คุ้มค่า เป็นจุดขาย การันตี ผลตอบแทน 7 % 5 ปี พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ เริ่มต้นที่ 2.7 ล้านบาท ด้านไนท์แฟรงค์ฯ ที่ปรึกษา เผยดัชนีความเชื่อมั่น ตลาดอสังหาฯ พัทยา ลู่ทางสดใส กำลังจะกลายเป็น Family destination จากการเติบโตของเมืองและหลากหลายปัจจัย
คุณชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดตัวโครงการ Best Western Premier Bayphere Pattaya คอนโดมิเนียมติดหาด จำนวน 174 ยูนิต ในคอนเซ็ปต์คอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน ไปเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ผลตอบรับดีมาก เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งในเรื่องกลุ่มเป้าหมายรู้จักแบรนด์ Habitat Group มากขึ้น และในแง่ยอดขายที่ตอนนี้ขายไปแล้ว 70% แม้ว่าจะมีช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองนิ่งๆไป 2-3 เดือน เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก็ถือว่าโครงการประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ลูกค้าหลายๆคนเริ่มรับรู้และเข้าใจโมเดลการบริหารการเช่า แบบที่นำแบรนด์โรงแรมเข้ามาบริหาร ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็รู้จักแบรนด์ Best Western อยู่แล้ว และให้การตอบรับเป็นอย่างดี
การเปิดตัวและการทำตลาดโครงการ Best Western Premier Bayphere Pattaya ทำให้เราทราบว่ายังมีดีมานด์ของลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ลักษณะเดียวกับที่โครงการเสนอขาย โดยมี budget ที่ต่ำลงแต่ยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์ที่ดูหรูหรา และมี facility ครบครันแบบโรงแรม 5 ดาว จึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการใหม่ บลูเฟียร์ พัทยา ที่โปรดักส์ ทั้งห้องชุดและส่วนกลาง ทำเลที่ตั้ง ราคา และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
โครงการ BluPhere Pattaya เป็นคอนโดมิเนียม โลว์ไรซ์ สูง 8 ชั้น อยู่ห่างจากหาดเพียง 100 ม. ตั้งอยู่ในซอยนาจอมเทียน 18 มีจำนวน 195 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 650 ล้านบาท แบ่งเป็น จุดเด่นที่เหมือนกับโครงการ Bayphere คือ เป็นคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนอย่างแท้จริง โดยการันตีค่าเช่า 7% ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี หลังจากปีที่ 5 จะให้ผลตอบแทนแบบแบ่งผลกำไร (หลังหักค่าใช้จ่าย) 60% ให้แก่เจ้าของห้อง, มีการบริหารการเช่าโดยนำแบรนด์โรงแรมอันดับ 7 ของโลกอย่าง Best Western มาบริหารการเช่าและให้บริการต่างๆภายในโรงแรม รวมทั้งดูแลรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้เจ้าของห้อง เทียบได้กับการบริหารโรงแรม 5 ดาว, มีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ซื้อหรือเจ้าของห้อง เทียบเท่ากับโครงการ Bayphere คือ เข้าพักฟรี 14 วันต่อปีในโครงการ BluPhere Pattaya, ส่วนลดพิเศษสำหรับร้านอาหารและบาร์ที่โครงการ BluPhere Pattaya, และส่วนลดพิเศษเมื่อเข้าพักที่โครงการอื่นๆในเครือฮาบิแทท กรุ๊ป จุดเด่นที่แตกต่างกับโครงการ Bayphere คือ การใช้แบรนด์ BW Premier Collection (เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ คอลเลคชั่น) ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมที่สุดในเครือเทียบเท่า Best Western Premier ในคอนเซ็ปต์ boutique resort ที่เน้นเรื่องราวที่มาที่ไปของทำเลที่ตั้งและการออกแบบโรงแรม อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆ อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นกว่าแบรนด์ Best Western Premier ของโครงการที่ผ่านมา การดีไซน์มี 2 คอนเซ็ปต์หลัก คือ ‘The Misty Canyon’ ที่เล่นลำดับขั้นของ façade และ landscape ภายในบริเวณ lobby ชั้น 1 สร้างจุดแลนมาร์กด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจีที่นำสายตาขึ้นไปสู่ Sky Drenched Atrium และคอนเซ็ปต์ Blue Water and Sky ที่สื่อถึงบรรยากาศสีฟ้าสวยงามของสระว่ายน้ำบนชั้น roof top ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับวิวทะเลและท้องฟ้าสีคราม
จุดเด่น และ กลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์เชิงลึก โปรดักส์นี้ เหมาะกับใครในตลาด??
นักลงทุนอย่างแท้จริง การการันตีผลตอบแทนที่ 7% เป็นเวลา 5 ปี ยังคงเป็น key concept หลัก ในการทำการตลาดของโครงการ BluPhere Pattaya เน้นสร้างการรับรู้ในกลุ่ม mass โดยใช้สื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างความสนใจและใช้ content marketing ในการ educate ลูกค้าให้เข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนในสังหาริมทรัพย์แบบที่บริษัทดำเนินงาน กลุ่มเป้าหมาย คือ ลูกค้าอายุ 30 – 45 ปี รายได้ 60,000 – 70,000 บาทขึ้นไ ป ซึ่งซื้อโครงการนี้เป็นโครงการที่ 2 ขึ้นไป (โครงการแรกอาจจะซื้ออยู่เอง หรือซื้อลงทุน) โดยสามารถจ่ายดาวน์ได้เดือนละ 15,000 - 20,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่หนักสำหรับคนวัยทำงาน
คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด คาดการณ์ว่า พัทยาจะเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงมากในอนาคต ทั้งด้านการขยายตัวของเมืองและความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในพื้นที่โซนตะวันออกของประเทศ โดยได้รับอานิสงค์การขยายตัวจากโครงการพัฒนาของรัฐ เช่น (1) การพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และพัฒนาให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน โดยมีเป้าหมายผู้โดยสารเข้าใช้งานในปี 2560 ประมาณ 1.2 ล้านคน (จาก 700,000 คนในปี 2559) (2) แผนพัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ให้เป็นท่าเรือพาณิชย์ แนวท่าจอดเรือยอร์ชเพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างชายฝั่งทะเลอ่าวไทยด้านตะวันออกและตะวันตก (East-West Transport) เพื่อลดระยะเวลาการเดินทางและขนส่งสินค้าให้ลดลงเหลือ1-2 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันมีเรือเฟอร์รี่เพื่อการโดยสารระหว่างพัทยา – หัวหินเปิดให้บริการแล้ว (3) การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก ในพื้นที่ 3 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง ในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
ขณะที่เมืองพัทยาได้กำหนดเป้าหมายให้เป็นเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเติบโตและการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พื้นที่บริเวณนาจอมเทียนและสัตหีบก็จะได้รับอานิสงค์การเติบโตของุรกิจท่องเที่ยวอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันนาจอมเทียนเป็นที่ตั้งของแหล่งท่อเที่ยวที่สำคัญหลายอย่าง เช่น สวนน้ำ Cartoon Network Amazone ซึ่งเป็นส่วนน้ำขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวของโลกที่ใช้แบรนด์การ์ตูนดัง Cartoon Network, สวนเสือศรีราชา, อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา
ด้วยโครงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นจะทำให้โครงการ Bluphere Pattaya Managed by BW Premier Collection เป็นโครงการสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของ Lifestyle Investment คือนอกจากเพื่อใช้พักอาศัย หรือใช้เป็นบ้านพักตากอากาศแล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี โดยการบริหารงานเช่าด้วยทีมบริหารมืออาชีพ นอกจากจะสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีแล้วนักลงทุนก็จะได้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยโครงการนี้มีจุดเด่นคือ “การันตีตอบแทนการเช่า 7% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี” โดยโรงแรม BW Premier Collection ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมีการบริหารจัดการและการบริหารงานเช่าได้มาตรฐานโลก ผู้เข้าพักอาศัยก็จะได้รับบริการระดับโรงแรมที่เป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้เจ้าของห้องสามารถใช้สิทธิ์เข้าพักฟรีได้เป็นจำนวน 14 วันต่อปีอีกด้วย
ด้าน Mr. Olivier Berrivin, Managing Director International Operation Asia, Best Western เผยภาพรวมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอยู่ในทิศทางที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี มองจากตัวเลข ในปี 2016 มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เดินทางมาเที่ยว 32,600,000 คน สร้างรายได้สะพัด 2.52 ล้านล้านบาท (US $ 71.8 พันล้านดอลลาร์) สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ เมื่อช่วงเริ่มต้นที่ของปี คาดการณ์ปีต่อไป แนวโน้มมีแต่เพิ่มมากขึ้น จากสถานการณ์โดยรวม ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เริ่มคลี่คลาย ในส่วนของโรงแรม ซึ่งถือว่าได้รับอานิสงค์เต็มๆ จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เตรียมตั้งรับ ซึ่งเรามีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ด้วยการให้บริการมายาวนาน มีกลุ่มลูกค้าประจำและผู้เข้าพักหน้าใหม่จากทั่วโลก โดยโรงแรม กำหนดเป้าหมายตลาดไฮเอนด์ ใช้กลยุทธ์ด้านการสื่อสารและส่งเสริมการขายในตลาดต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจาก : ฮาบิแทท กรุ๊ป