แสนสิริ ผ่ากลยุทธ์โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง ตั้งเป้าขยายการรับรู้สู่ผู้บริโภค 1 พันล้านคนทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ 5 ภาษา และ Facebook Fan Page 4 เวอร์ชั่น มุ่งขยายตลาดต่างประเทศเต็มพิกัด
แสนสิริ เผยกลยุทธ์เบื้องหลังความสำเร็จระดับแถวหน้าของโซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ด้วยจำนวนผู้ติดตามบน Facebook ที่เติบโตต่อเนื่องจนทะลุ 1 ล้านคน พร้อมตั้งเป้าขยายการรับรู้สู่กลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก 1,000 ล้านคน ผ่านเว็บไซต์เต็มรูปแบบ 5 ภาษา - อังกฤษ จีนกลาง จีนกวางตุ้ง ญี่ปุ่น และรัสเซีย และ Facebook Fan Page สำหรับฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และ International พร้อมคอนเทนต์และกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคในประเทศเป้าหมายและประเทศอื่น ๆ สอดคล้องกับทิศทางการก้าวสู่ความเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกในยุค Digital Transformation ผลักดันกลยุทธ์หลักในการรุกขยายตลาดต่างประเทศที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แผนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศคือกลยุทธ์การเติบโตหลักของเราในปี 2560 นี้ ซึ่งเราตั้งเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี โดยปีนี้ตั้งยอดขายไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเราได้เพิ่มเป้าจากเมื่อต้นปีที่อยู่ที่ 7,500 ล้านบาทเพราะเราเริ่มเห็นแนวโน้มดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองไทยอยู่ในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ รวมทั้งลูกค้าในต่างประเทศรู้จักและเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริมากขึ้นจนทำให้ตัดสินใจซื้อโครงการได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ เป้ายอดขายใหม่ที่ 8,000 ล้านบาทเติบโตจากยอดขาย 5,400 ล้านบาทเมื่อปี 2559 ประมาณ 50% โดยเชื่อว่ายอดขายในตลาดต่างชาติหลัก คือ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยประเทศละ 20-30% ทั้ง ซึ่งช่องทางการตลาดบนสื่อดิจิทัลจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตลาดต่างประเทศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่สื่อดิจิตอลมากขึ้นตลอดจนช่องทางดิจิตอลและโซเชียลมีเดียยังเป็นช่องทางในการทำการตลาดได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ เราจึงมีแผนที่จะผลักดันกลยุทธ์ด้านโซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้งอย่างเข้มข้นเพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งแนวทางการทำการตลาดในต่างประเทศนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทิศทางธุรกิจของบริษัทที่จะใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้นในยุค Digital Transformation ตลอดจนยังอาจช่วยในการดำเนินธุรกิจของบริษัทลูกของแสนสิริและธนาคารไทยพาณิชย์ที่กำลังทำ Property Technology อย่างสิริ เวนเจอร์ในอนาคตด้วย”
นายสมัชชา พรหมศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและระบบฐานข้อมูลการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริให้ความสำคัญกับการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดอย่างครอบคลุมและเข้าถึงเป้าหมายมาโดยตลอด เราเล็งเห็นว่า วันนี้โซเชียล มีเดีย คือสื่อที่จะทำให้แบรนด์ใกล้ชิดและเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด เราจึงสร้างและผลักดันโซเชียล มีเดีย ของตนเองในทุกช่องทางสำคัญ ทั้ง Facebook, Instagram, Youtube ,Twitter และ Pinterest ทุกช่องทางมีการอัพเดทข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้ติดตามได้รับรู้ถึงเรื่องราว ความเป็นไปของแบรนด์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะ Facebook ซึ่งเป็นโซเชียล มีเดีย ที่คนไทยใช้มากที่สุดและเป็นช่องทางที่แสนสิริประสบความสำเร็จมากที่สุดเช่นกัน”
“เราเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ Facebook Live Influencer Marketing มาใช้ โดยการให้ Influencer ด้านอสังหาริมทรัพย์มาทำ Facebook Live นำเสนอจุดขายของโครงการเดอะไลน์ อโศก – รัชดา ติดต่อกัน 4 วันก่อนเปิดจอง ซึ่งนับเป็นแคมเปญที่สร้างความฮือฮาและประสบความสำเร็จ และพิสูจน์ให้ถึงความกล้าของเราในการลองเสี่ยงกับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ จนกลายเป็นกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมได้ในที่สุด”
ความโดดเด่นและเป็นผู้นำในด้านโซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้งของแสนสิริมีบทพิสูจน์มาแล้วจากรางวัล Thailand Zocial Award 2016 ในประเภท “Top Brand Engaged on Social Media by Category “Real Estate” ที่ใช้เครื่องมือโซเชียล มีเดีย และสื่อออนไลน์ในการทำกลยุทธ์สื่อสารการตลาดและสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังผู้บริโภคยุคใหม่ในวงกว้างยอดเยี่ยม และมียอดผู้ติดตามมากที่สุดรวมใน 5 ช่องทาง (Social Media Scores) คือ Facebook Instagram Youtube Twitter และ Pinterest
แสนสิริให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่าน Facebook Fan Page อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลอย่างมากต่อการสร้างจำนวนฐานแฟนให้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมียอดกดไลค์จากผู้ใช้ที่เป็นลูกบ้านของแสนสิริเองและผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ใช่ลูกบ้านของแสนสิริด้วย ถึง 1 ล้านไลค์ คือการวางกลยุทธ์ด้านเนื้อหาใน Facebook Fan Page แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. คอนเทนต์ - ซึ่งเลือกและปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ และที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โดยตรง นวัตกรรมการตกแต่งบ้าน ดีไซน์ กิจกรรมซีเอสอาร์ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จากแสนสิริ แฟมิลี่ 2. การจัดกิจกรรมออนไลน์ - เพื่อให้ผู้ติดตามเพจได้มีส่วนร่วมกับ Fan Page อยู่เสมอ ทั้งกิจกรรมหลักที่สะท้อนเป็นแบรนด์ และกิจกรรมตามเทศกาลต่าง ๆ หรือช่วงเวลาพิเศษ และ 3. การเลือกลงโฆษณาใน Facebook ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย - เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารจากแบรนด์อย่างรวดเร็ว
“จากความสำเร็จในการพิชิตยอด 1 ล้านไลค์บน Facebook เราได้วางเป้าหมายต่อไปที่จะเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก 1,000 ล้านคน โดยเปิดตัวเว็บไซต์ International อย่างเต็มรูปแบบภายในปีนี้ใน 5 ภาษา คือ อังกฤษ จีนกลาง จีนกวางตุ้ง ญี่ปุ่น และรัสเซีย พร้อม Facebook Fan Page 4 เวอร์ชั่น สำหรับฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และ International รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตลาด Facebook เพื่อทำให้ไปได้ไกลมากกว่าเดิมแบบก้าวกระโดดเท่าทวีคูณ ซึ่งมีแนวทางสำคัญ 3 ประการคือ
- สร้างความสนิทและความไว้ใจระหว่างผู้ใช้ที่เป็นแฟนเพจกับแบรนด์ - การสร้างความสนิทสนมและเป็นกันเองกับ ผู้ใช้ที่เป็นแฟนเพจ ผ่านการพูดคุยและตอบคำถาม เพื่อให้เข้าถึงและสร้างความไว้วางใจในตัวแบรนด์ ให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาที่เชื่อใจและไว้ใจได้ เมื่อมีเรื่องที่อยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับบ้านจะนึกถึงแสนสิริเป็นแบรนด์แรก
- เสริมทัพคอนเทนต์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น - โดยเสริมคอนเทนต์ในลักษณะ Real-Time Marketing ที่มีผลิตภัณฑ์เข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ด้วย เพื่อตอกย้ำภาพของแบรนด์ให้ดูเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เช่น Facebook Live หรือภาพและวิดีโอแบบ 360 องศา โดยจะมีการปรับและเลือกรูปแบบการนำเสนอให้เหมาะกับแต่ละเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ ซึ่งเคยมีการลองทำแล้วและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
- มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับ Global Pages - สอดคล้องกับแผนการขยายตลาดและเติบโตในต่างประเทศซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในปีนี้ มากขึ้น โดยจะเริ่มที่ ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ โดยการผลิตคอนเทนต์ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ เช่น เรื่องของภาษา, ความสนใจของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ (Insight) เพื่อสร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้ Global Pages โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปให้ถึงคือลูกค้าหลักพันล้านคนในตลาดต่างชาติ
ทั้งนี้ แนวทางการปรับกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งของแสนสิริ จะมุ่งจับเทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2560 นี้ ไม่ว่าจะเป็น เทรนด์ด้านโมบิลิตี้อย่างเทคโนโลยี AMP (Accelerated Mobile Pages) เพื่อการโหลดคอนเทนต์ที่รวดเร็วทันใจ เทคโนโลยี Geotagging ระบุพิกัดของผู้บริโภคเป้าหมายเพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูล สินค้าหรือบริการได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา เทรนด์ด้าน Data Tracking เพื่อให้เข้าใจรูปแบบเส้นทางการตัดสินใจของผู้บริโภคและสามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจ โดยไม่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถูกรบกวน หรือล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว ตลอดจนเทรนด์นวัตกรรม อย่าง Chatbot ทำหน้าที่คอยโต้ตอบกับผู้บริโภคเหมือนเป็น Call Center และเทคโนโลยี Smart Home เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก www.sansiri.com