ESTAR เผยกำลังทยอยโอนโครงการนารา 9  เตรียมรับรายได้ 2,400 ล้านบาท ระบุภาพรวมตลาดคอนโดฯ ราคา 3-7 ล้านบาทยังไปได้ ห่วงราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นจนรายได้ผู้บริโภคตามไม่ทัน ขณะที่ไตรมาส 1/2560 มียอดขายราว 300 กว่า ล้านบาท

ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน)

ESTAR ” เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างทยอยโอนโครงการ “นารา 9”  คอนโดมิเนียมหรูใจกลางสาทร มูลค่า 2,400 ล้านบาท คาดว่าภายในกลางปีนี้จะสามารถโอนล็อตใหญ่ได้ และรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยโครงการนารา 9 เป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 40 ชั้น จำนวน 361 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นห้องชุดแบบ ยูนิตหน้ากว้าง มีระเบียงทุกยูนิต พร้อมสระว่ายน้ำลอยฟ้าแบบ  Infinity Edge Pool  มองเห็นวิวเมืองกว่า 180 องศา ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 66 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.7 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือยูนิตพร้อมขายอยู่เพียง 15% เท่านั้น

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2560 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท  โดยเป็นสัดส่วนยอดขายของโครงการในกรุงเทพฯ 90% และโครงการในจังหวัดระยอง 10%  มีอัตราเติบโตอยู่ในระดับที่คาดหมายไว้ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายทั้งปีบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20% เทียบกับปีก่อน และส่งผลให้มีรายได้ของปี 2560 สูงกว่า 2,000 ล้านบาท ตามที่วางแผนไว้เช่นเดียวกัน

สำหรับภาพรวมตลาดตลาดคอนโดฯในไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมา ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า มีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนได้มีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเลื่อนมาเปิดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้แทนจึงส่งผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดฯ ดูคึกคัก ส่วนคาดการณ์ตลาดในไตรมาส 2 และ 3 จะมีการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มตลาดที่ยังไปได้ดีคือระดับราคา 3-7  ล้านบาท และตลาดที่น่าจับตามองคือราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท  ซึ่งถึงแม้จะเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์แต่ก็เป็นกลุ่มที่มีภาระหนี้สินต่อครัวเรือนที่สูงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามปัญหาหนี้สินต่อครัวเรือนน่าจะทยอยดีขึ้นเพราะปัญหาเรื่องหนี้สินจากรถยนต์คันแรกได้ทยอยหมดลง แต่ทั้งนี้กลุ่มกำลังซื้อดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเพราะเป็นกลุ่มลูกค้าคนละเซ็กเมนต์กัน

“ภาพรวมตลาดคอนโดฯ ปีนี้น่าจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหรือใกล้เคียงกัน  ปัจจัยที่เป็นกังวลคือเรื่องราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นจนกำลังซื้ออาจตามไม่ทัน เพราะเมื่อราคาที่ดินแพงขึ้น ผู้ประกอบการก็จะผลักภาระไปยังผู้บริโภคสะท้อนมายังราคาขาย แต่ยังมีความโชคดีที่ราคาค่าก่อสร้างยังไม่ขยับตามเพราะราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ”

ดร.ต่อศักดิ์ ได้กล่าวถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ว่า ผู้ประกอบการต้องมีความพร้อมในการปรับตัว ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ทั้งการปรับตัวในการพัฒนาสินค้าให้มีความทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกในขณะนั้น การทำอสังหาฯ ในรูปแบบอื่นๆ รวมถึงการปรับตัวในการจับมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน  ส่วนทางด้านภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ยังไม่ได้เห็นผลกระทบชัดเจนต่อผู้ประกอบการ  เพราะยังไม่ได้มีการบังคับใช้ แต่หากปลายปีนี้มีการบังคับใช้จริง เจ้าของที่ดินก็คงจะมีการนำที่ดินออกมาขายมากขึ้นและสามารถเจรจาซื้อขายได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก   www.estarpcl.com