“สิริ เวนเจอร์” (SIRI VENTURE) บริษัทร่วมทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital ทำการวิจัยและลงทุนด้าน PropTech นำโดยแสนสิริ (SIRI) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ (R&D) ด้าน Property Technology (PropTech) อย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของไทย ด้วยการเปิดโครงการ “Siri Venture Partnership” หลังจากที่รับสมัครทีมสตาร์ทอัพจำนวน 100 ทีม เพื่อพิจารณาคัดเลือกทีมศักยภาพสูงสุดมาเข้าร่วมพาร์ทเนอร์ชิพโปรแกรม ที่จะพัฒนาต่อยอดธุรกิจกับผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 3 เพื่อร่วมลงทุนและผลักดันนวัตกรรมให้ได้รับการจดสิทธิบัตรต่อไป พร้อมทั้งร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคตให้ไปได้ไกลในระดับโลก รวมทั้งเสริมการเติบโตให้กับธุรกิจหลักอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนโดยตั้งเป้าสร้างเครือข่ายกับผู้พัฒนานวัตกรรมใหม่ด้าน PropTech อย่างน้อย 300 รายภายในปี 2020

นายชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิริ เวนเจอร์ จำกัด กล่าวว่า “ สิริ เวนเจอร์ คือบริษัทร่วมทุนระหว่างแสนสิริกับธนาคารไทยพาณิชย์ ในรูปแบบ Corporate Venture Capital ที่มีจุดเด่นในด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคตหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า PropTech ภายใต้ภารกิจสำคัญ คือ 1. การลงทุนพัฒนาด้าน PropTech ด้วยทุน 100 ล้านบาท โดยเริ่มจากในไทยและสิงคโปร์ 2. จัดตั้งโครงการผลักดันสตาร์ทอัพด้าน PropTech เป็นครั้งแรกในไทย พร้อมคัดเลือกสตาร์ทอัพ 25 ทีมร่วมเข้าคอร์สติวเข้ม และผลักดันให้นวัตกรรมที่พัฒนาได้รับการนำไปใช้จริงในไตรมาสที่ 4 และ 3. การยกระดับศักยภาพของ Home Service Application ของแสนสิริ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานที่เป็นลูกบ้านของแสนสิริกว่า 14,000 รายใน 155 โครงการ โดยมีแผนที่จะเพิ่มฟังก์ชันให้ครอบคลุมมากขึ้น และขยายตลาดผู้ใช้สู่วงกว้างทั้งในและต่างประเทศ”

บทบาทของ PropTech เพื่อส่งเสริมการพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดความยั่งยืน คือการเป็นกำลังในด้าน Research & Development เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะสนับสนุนทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ งานดีไซน์ใหม่ ๆ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งนี้ PropTech เป็นประเภทของสตาร์ทอัพที่ใหม่และมีศักยภาพสูงในประเทศไทย เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นสามารถพัฒนา PropTech ให้ครอบคลุมเทคโลยีสำหรับการทำธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร (Holistic Property Technology Landscape) ตั้งแต่การบริหารระบบข้อมูล การออกแบบโครงการ การก่อสร้าง การสนับสนุนการซื้อขาย การบริหาร และให้บริการภายในโครงการ ไปจนถึงเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัยแบบองค์รวม และมีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างสูงมาก

“สตาร์ทอัพไทยมีศักยภาพสูงในเชิงเทคนิคและการพัฒนาซอฟต์แวร์ เห็นได้จากบางรายได้รับโจทย์ไปก็สามารถสร้างโมเดลและเทคโนโลยีกลับมานำเสนอได้ในเวลาที่รวดเร็ว แต่ยังขาดปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องการหาตลาดรองรับนวัตกรรม การหาเงินทุน การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมทั้งกระแสของ PropTech เองที่มีผลต่อความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนหากยังไม่ใช่สตาร์ทอัพที่พัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ที่นิ่งพอและเริ่มหาตลาดของตัวเองได้แล้ว”

ดังนั้น โครงการ “Siri Venture Partnership” จึงได้รับการพัฒนาจากความตั้งใจที่จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้สตาร์ทอัพแต่ละราย เป็นโครงการแบบ “Non-exclusivity” ที่ไม่ได้จำกัดการคัดเลือกสตาร์ทอัพที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อบริษัทหรือลูกบ้านของแสนสิริเท่านั้น แต่มองถึงการพัฒนาเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยโดยรวม

  • Research – ให้การสนับสนุนงานวิจัย และนักวิจัยที่มีผลงานที่สอดคล้อง หรือมีแนวคิดที่มีความเป็นไปได้ในการนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
  • Investment – โครงการผลักดันสตาร์ทอัพของ Siri Venture Partnership ไม่ได้กำหนดรูปแบบตายตัวในด้านการลงทุนในสตาร์ทอัพแต่ละราย เพราะหัวใจสำคัญในการลงทุนด้าน PropTech คือการใส่ความช่วยเหลือที่เหมาะสมเข้าไปในธุรกิจแต่ละรายที่กำลังอยู่ในระยะการเติบโตที่ต่างกัน การสนับสนุนให้เกิดธุรกิจที่มีการซื้อขายและนำไปใช้จริงในอุตสาหกรรม รวมทั้งการลงทุนเมื่อธุรกิจต้องการเงินทุนเพื่อให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการลงทุนร่วมกับนักลงทุนอื่น ๆ ที่สนใจในรูปแบบ Co-Invest ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ได้รับความสนใจจากกองทุนหลายแห่งทั้งจากประเทศไทย, สิงคโปร์และญี่ปุ่น สำหรับสิริ เวนเจอร์เอง ได้ดำเนินเรื่องของบประมาณเพื่อลงทุนใน R&D เป็นอัตราประมาณร้อยละ 1 ของรายได้ต่อปีของ แสนสิริ
  • Partnership – เป็นที่น่าสังเกตว่าสตาร์ทอัพด้าน PropTech บางรายไม่ได้มีอุปสรรคด้านเงินทุน แต่ต้องการที่จะสร้างพันธมิตรที่จะร่วมพัฒนาไปด้วยกัน ทั้งการส่งเสริมด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือประสบการณ์ในการทำธุรกิจ เนื่องจากสตาร์ทอัพไทยส่วนใหญ่ไม่มีผู้ที่จะเข้าไปให้คำแนะนำเฉพาะด้านแบบ one-on-one ทำให้ยากที่จะผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เพราะหลายครั้งที่ธุรกิจต้องการความเข้าใจในระดับรากฐาน ซึ่ง Siri Venture Partnership เข้าใจในความจำเป็นนี้และได้จัดเตรียม Mentor รวมถึงวิทยากรที่ปรึกษาในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์เอง หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ เพื่อมาช่วยให้คำปรึกษาตลอดโครงการ ฯ รวมทั้งสำหรับสตาร์ทอัพที่มองพันธมิตรด้านการทำการตลาด ทางแสนสิริ ก็พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การนำไปทดสอบกับ Labroom การทดสอบและวัดผลจากการใช้งานจริง รวมทั้งสนับสนุนการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อกระบวนการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์

ด้วยองค์ประกอบที่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของ Startup ทำให้ปัจจุบัน Siri Venture Partnership มีสตาร์ทอัพเข้ามาเชื่อมต่อจำนวนหลายร้อยราย ผ่านการคัดเลือกจากเอกสารและได้รับเชิญมาสัมภาษณ์ราว 130 ราย จากนั้นมีการการคัดเลือกเข้าร่วม Workshop เป็นเวลาสี่วันจำนวนทั้งสิ้น 33 ราย ซึ่งมีเทคโนโลยีที่สนใจอาทิ

  • ซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้งานในด้านต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
  • เทคโนโลยีสำหรับที่อยู่อาศัยในอนาคต เช่น Home Automation, Security หรือ Home AI หรือระบบสั่งการอุปกรณ์ต่าง ๆ ของบ้านด้วยเสียงภาษาไทย, ระบบ Preventive Maintenance ภายในบ้าน ฯลฯ
  • การพัฒนาหุ่นยนต์มาใช้สำหรับงานก่อสร้าง, ใช้สำหรับงานซ่อมบำรุง, ความปลอดภัยของอาคาร, รวมถึงการให้บริการในด้านต่าง ๆ แก่ผู้อยู่อาศัย
  • การใช้ Electric Vehicles (EV) หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเมือง
  • การพัฒนาระบบช่วยเหลือและเก็บข้อมูลด้านสุขภาพเพื่อสนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดีขึ้น หรือเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล เป็นต้น

“วันนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของ PropTech ในประเทศไทย ซึ่งในอนาคต ด้วยการสนับสนุนอย่างจริงจังจากสิริ เวนเจอร์ และศักยภาพของสตาร์ทอัพไทย ประเทศไทยจะเกิดระบบนิเวศของสตาร์ทอัพด้าน PropTech ที่แข็งแกร่ง สร้างนวัตกรรมมายกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์และมอบความสะดวก ประหยัด และปลอดภัยในด้านการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คน” นายชาคริต กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารของโครงการ Siri Venture Partnership ได้ที่Facebook.com/siriventure

ขอบคุณข้อมูลจาก SiriVenture