คลังหั่นภาษีรถไฮบริด-ไฟฟ้า8ปี
หั่นภาษีรถยนต์ไฮบริด-รถยนต์ไฟฟ้ายาว 8 ปี หนุนลงทุนในประเทศเพิ่ม สรรพสามิตยันไม่ส่งผลกระทบราคาขายในตลาดแน่นอน เอกชนขานรับเชื่อทำให้ราคารถไฮบริดถูกลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ 138 โดยระบุให้ลดภาษีรถยนต์ 4 ประเภท ได้แก่ 1.รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (พีพีวี) ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ลบ.ซม.) และเป็นรถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า (ไฮบริด) ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลง เหลือ 23% 2.รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิลแค็บ) ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ลบ.ซม. และเป็นรถยนต์แบบไฮบริด ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงเหลือ 10%
ขณะที่รถยนต์นั่งแบบไฮบริดที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ลบ.ซม. ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงกึ่งหนึ่งของอัตราภาษีที่ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 30 ธ.ค.2534 และให้รถยนต์นั่งแบบพลังงานไฟฟ้า (อีวี) ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงเหลือ 2%
นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ครั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2560 จนถึง 31 ธ.ค.2568 โดยวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ประหยัดพลังงาน ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในเมืองไทย ทั้งรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งยืนยันว่ายังไม่มีผลกระทบต่อราคารถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์ไฮบริดที่ขายในท้องตลาดทุกวันนี้ เนื่องจากภาษีจะมีผลต่อรถยนต์ที่จะเกิดจากการลงทุนใหม่ในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าการปรับแก้กฎหมายในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในอนาคต
ด้าน นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฮบริดใหม่ที่กระทรวงการคลังประกาศออกมา เพราะจะทำให้ราคารถยนต์ไฮบริดลดลง 10-20% จากราคาปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ราคารถยนต์ไฮบริดมีราคาใกล้เคียงกับราคารถยนต์ปกติในรุ่นเดียวกัน และยังเป็นการปูทางไปสู่การผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต.
ขอบคุณข้อมูลจาก: www.thaipost.net