5 อาคารสถาปัตยกรรมดีไซน์เก๋ในย่านทองหล่อ
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเมืองไทยของเรานั้นมีอาคารทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นระดับไอคอนเพียงไม่กี่แห่งในกรุงเทพฯ ถ้าเทียบกับอาคารที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในเมืองสำคัญๆ ระดับโลก อย่างเช่น ตึกเอ็มไพร์สเตทและตึกไครส์เลอร์ของนครนิวยอร์ก หรือ อาคาร Burj Khalifa ที่ดูไบ ที่ยังคงรั้งตำแหน่งตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่ในวันนี้ จะยิ่งพบว่าเมืองไทยไม่ได้มีอาคารที่มีความโดดเด่นแบบเดียวกันมากมายเท่าไหร่ ถ้าพูดกันถึงตึกหรืออาคารสูงๆ อาจจะจริง แต่ถ้าพูดในเชิงรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นนั้น ต้องบอกให้คุณลองคิดดูใหม่ เพราะที่จริงแล้วเมืองไทยยังมีงานสถาปัตยกรรมสวยๆ อีกมาก ยกตัวอย่างเพียงย่านเดียวอย่างย่านทองหล่อก็สามารถนับได้หลายแห่งแล้ว เราลองไปดูกันดีกว่าว่าตอนนี้ที่ ทองหล่อ มีงานสถาปัตยกรรมอะไรน่าพูดถึงบ้าง
72 Courtyard (เซเว่นตี้ทู คอร์ทยาร์ด)
โดดเด่นด้วยปูนเปลือยที่ฉาบไว้ตั้งแต่ด้านหน้าอาคารทรงเหลี่ยม ไล่เรื่อยเข้าไปยังตัวอาคารด้านในที่ให้รายละเอียดของการตกแต่งภายในอย่างมีเอกลักษณ์ สำหรับ 72 Courtyard ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 16 และทองหล่อ 18 และเป็นสถานที่ที่รวบรวมร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่น่าลิ้มลองไว้เพียบในที่เดียว ดูภายนอก ตัวอาคารอาจจะไห้ความรู้สึกแข็งและดิบ แต่ถ้าลองได้เดินเข้าไปภายในคุณจะพบว่าความดิบที่เห็นเป็นเพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มความเขียวชอุ่มของต้นไม้ที่ปลูกไว้รายรอบอย่างร่มรื่น ช่วยลดทอนความวุ่นวายของการจราจรในซอยทองหล่อไปได้เยอะทีเดียว ซึ่งเมื่อประกอบกับรายละเอียดการตกแต่งร้านอาหารแต่ละร้านที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกันเลย โดยมีตั้งแต่สไตล์เรโทร ยุโรป ไปจนถึงสไตล์แบบเม็กซิกัน มีการตกแต่งด้วยลายกราฟิติและภาพวาดเต็มพื้นที่ ทั้งหมดนี้ถือว่าช่วยเติมเต็มบรรยากาศของความสนุกในการสังสรรค์และการรับประทานอาหารของคุณได้อย่างลงตัว
The Commons (เดอะ คอมมอนส์)
คอมมูนิตี้มอลล์ความสูง 4 ชั้นที่ใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มกว่าจะสร้างจนจะแล้วเสร็จ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 17 แห่งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาคารที่มีความโดดเด่นในแง่ของการออกแบบทางสถาปัตยกรรม เพราะซ่อนลูกเล่นและรายละเอียดของประโยชน์ใช้สอยภายในตัวอาคารไว้ได้อย่างแยบยลในลักษณะแบบการสร้างชุมชน ภายใต้แนวคิด “Wholesome Living” หรือการใช้ชีวิตแบบมีสมดุลที่ดี โดยผ่านการแบ่งสัดส่วนของพื้นที่อินดอร์และเอาท์ดอร์อย่างพอเหมาะสอดประสานไปด้วยกัน เพื่อให้การใช้พื้นที่เกิดขึ้นได้อย่างหลากหลายรูปแบบ จะเป็นการมารับประทานอาหารภายในร้าน มาจับจ่าย มาทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์ หรือจะซื้ออาหารแล้วออกไปใช้พื้นที่เอาท์ดอร์ตรงกลางส่วนที่เรียกว่า Common Ground ที่จัดไว้เหมือนเป็นสวนหลังบ้านในบรรยากาศสบายๆ ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่เพราะผู้ออกแบบคือ Department of Architecture ตั้งใจให้พื้นที่ตรงนี้เหมือนกล่องโปร่งๆ ที่สบาย รับลมได้ดีทุกทิศ ในขณะที่กันแดดและฝนได้ตลอดเวลา ถือว่าเป็นความลงตัวทางสถาปัตยกรรมที่น่าอิจฉาของคนย่านทองหล่ออย่างแท้จริง
KHUN by yoo inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค)
อีกหนึ่งอาคารที่เพิ่งผุดขึ้นมาใจกลางทองหล่อ ทว่าโดดเด่นไม่แพ้สถาปัตยกรรมอื่นๆ ในย่านนี้ต้องเป็น KHUN by yoo inspired by Starck เพราะแค่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวอาคารที่ดูแปลกตากับความโดดเด่นของการเลือกใช้สีทองแดงคอปเปอร์ เป็นมันวาว แค่นี้ก็ดึงดูดความสนใจได้ในทันทีสำหรับทุกคนที่ผ่านไปผ่านมา อาคารขนาดสองชั้นหลังนี้ความเป็นจริงเป็นเซลล์ แกลเลอรี่ของโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์แห่งใหม่จาก “แสนสิริ” ที่ร่วมมือกับ “yoo studio” บริษัทออกแบบชื่อดังระดับโลก โดยมี “Philippe Starck” ดีไซเนอร์และนักออกแบบผลิตภัณฑ์อัจฉริยะชื่อก้องโลกมาร่วมสร้างสรรค์การออกแบบในโครงการคอนโดมิเนียมด้วย ทำให้การออกแบบเซลล์แกลเลอรี่แห่งนี้
แสนสิริจึงต้องการนำเสนอความแปลกใหม่โดยพัฒนารูปแบบการนำเสนอผ่านแกลเลอรี่โชว์ผลงานออกแบบของ “Philippe Starck” แทน โดยผลิตภัณฑ์ของสตาร์คที่หยิบมาโชว์มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ สุขภัณฑ์ หรือของประดับตกแต่งบ้านที่โครงการฯจะนำมาใช้จริงทั้งหมด เข้าไปเดินแล้วจะรู้สึกเหมือนมาเดินดูนิทรรศการศิลปะมากกว่า แน่นอนว่าถ้าโครงการ KHUN by yoo inspired by Starck ก่อสร้างจนแล้วเสร็จ อาคารเซลล์ แกลเลอรี่สุดเก๋ที่เราเห็นนี้อาจจะต้องถูกรื้อถอนออกไป แต่แน่ใจได้ตั้งแต่ตอนนี้ว่า ตัวคอนโดมิเนียมจริงที่ก่อสร้างภายใต้แนวคิด “Industrial Heritage” จะสะท้อนความทันสมัยของย่านทองหล่อ ทำเลที่พักอาศัยใจกลางเมือง ผสานกับความหรูหรา ทันสมัย ได้อย่างโดดเด่นไม่แพ้กันแน่นอน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการ
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.sansiri.com/condominium/khunbyyoo หรือโทร 1685
Face Bangkok (เฟส แบงคอก)
หมู่อาคารไม้สักทรงไทยล้านนาที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยทองหล่อ 38 แห่งนี้คือที่ตั้งของ Face Bangkok ร้านอาหาร บาร์ และสปาที่สอดประสานอยู่ในหมู่อาคารเดียวกันอย่างกลมกลืน ภายใต้บรรยากาศของเรือนไทยที่แวดล้อมไว้ด้วยสวนสวย และบ่อน้ำที่ให้ความสงบร่มเย็นเหมือนวิถีชีวิตริมคลองของคนไทยในอดีต ทว่าก้าวทันโลกด้วยรายละเอียดของการตกแต่งภายใน ทั้งภาพวาด ของประดับตกแต่ง และศิลปวัตถุทำมือ ที่เผยให้เห็นรายละเอียดของวัฒนธรรมจากนานาชาติในเอเชีย ที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นสามชาติสามวัฒนธรรม ได้แก่ ไทย อินเดีย และญี่ปุ่นที่ผสมกลมกลืนกันอยู่ผ่านเมนูอาหารที่จะเลือกสั่งแบบแยกเชื้อชาติจากกันเป็นจานๆ หรือสั่งเมนูที่ผสมข้ามวัฒนธรรมไว้แล้วก็ได้เช่นกัน
รายละเอียดของการสร้างตัวอาคารแบบมีใต้ถุนหยิบแรงบันดาลใจมาจากเรือนไม้สักของจิม ทอมป์สัน ทว่าสร้างในขนาดตัวอาคารที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้รองรับการเป็นทั้งร้านอาหาร สปา และบาร์ให้ได้อย่างลงตัว ส่วนการตกแต่งนั้นแม้จะเน้นความเรียบง่าย แต่รายละเอียดของวัสดุและของตกแต่งนั้นสะท้อนให้เห็นความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของทั้งคนไทยและคนเอเชียอย่างเด่นชัด ถือเป็นอีกหนึ่งอาคารทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งในย่านนี้
Teddy Castle (เท็ดดี้ คาสเซิล)
พูดถึงดีไซน์ภายนอกของงานสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดดเด่นทั้งในแบบโมเดิร์นหรือแบบไทยกันไปหลายแห่งแล้ว ลองมาดูกันที่งานออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกแบบปราสาทที่มีกลิ่นอายของอังกฤษโบราณกันบ้างอย่างร้าน Teddy Castle ที่เป็นทั้งคาเฟ่และอาณาจักรของตุ๊กตาหมีแบรนด์ Teddy House ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ในใจกลางทองหล่อซอย 5
นอกจากภายนอกที่ดูโดดเด่นท่ามกลางใจกลางเมืองแล้ว ภายในยังได้รับการตกแต่งอย่างละเอียดอ่อนทำให้ผู้มาเยือนเพลิดเพลินกับเสน่ห์อันคลาสสิก ดั่ง ดื่มด่ำอยู่ในปราสาทอังกฤษ เดิมทีปราสาทแห่งนี้เป็นที่ตั้งของร้านอาหารสุดเก๋อย่าง Blue Velvet แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปเจ้าของใหม่ได้เปลี่ยนโฉมปราสาทแห่งนี้ให้เป็นปราสาทหลังงามของเหล่าตุ๊กตาหมีได้อย่างลงตัว โดยอาศัยโครงสร้างที่เลียนแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์จากโซนยุโรปไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างภายนอก เริ่มตั้งแต่สะพานไม้ข้ามคลองเปรียบประหนึ่งจินตนาการที่เห็นในหนังสือการ์ตูนเทพนิยาย การใช้ปูนเปลือยผสมอิฐ การเล่นเลเยอร์ของผนังที่ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งเห็นเป็นมิติเหมือนการเดินเข้าไปในโซนลับของปราสาท รวมทั้งดึงเอากลิ่นอายของยุคโกธิคมาเพิ่มเติมความโดดเด่นด้วยกระจกสีเหมือนที่เห็นกันบ่อยๆ ในโบสถ์ ซึ่งเจ้าของใหม่ได้ใช้รายละเอียดต่างๆ ของแต่ละมุมมาผูกโยงเรื่องราวให้กับเหล่าตุ๊กตาหมี ที่สมมติให้มีชีวิต โดยมีพนักงานพาชมและเล่านิทานแห่งเมืองปราสาทหมีนางฟ้าเทวดา เป็นอีกหนึ่งไม้เด็ดในการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกเหนือจากโซนขายตุ๊กตาหมีและคาเฟ่ที่แบ่งสรรไว้อย่างลงตัว
นี่แค่ทองหล่อเพียงย่านเดียว ยังมีตัวอย่างของงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจมากมายขนาดนี้ แน่ใจได้เลยว่าถ้าลองสำรวจกรุงเทพฯให้ดีๆ เราอาจจะเจอย่านที่เต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมสวยๆ ที่น่าไปเยี่ยมเยือนอีกหลายแห่งแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก www.sansiri.com