หลายคนอาจมีบทเรียน หรือ ได้ฟังประสบการณ์ของนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียมิตรภาพดีๆ ระหว่างเพื่อนสนิท เสียความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีกับคนรัก เพียงเพราะตัวการที่ชื่อว่า “หุ้นส่วนธุรกิจ” จนพาลให้หลายคนเข็ดขยาด ไม่ขอดึงคนใกล้ตัวมาเป็นหุ้นส่วน แม้จะรู้ว่าคุณและเขา คือ ส่วนผสมที่ลงตัวที่พร้อมจะนำพาธุรกิจให้เติบโต

                  อย่างไรก็ตาม ก็มีตัวอย่างความสำเร็จของนักธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ลักกี้อินเกม และ ยังลักกี้ในการบริหารความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนที่เป็นคนใกล้ตัวได้อย่างน่าชื่นชม ทั้งหมดไม่ใช่เพราะโชคเข้าข้าง แต่เป็นเพราะพวกเขารู้เทคนิคสำหรับรับมือ หากคิดจะดึงคนใกล้ตัวมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ ส่วนเทคนิคนี้จะมีอะไรบ้าง ไปไขความลับพร้อมกัน

            1.ท่องไว้ในใจว่า “เราคือคนที่มีแพชชั่นร่วมกัน”                

เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดเส้นทางที่จะคุณทั้งคู่จะจูงมือเดินไปด้วยกันแบบไม่หลงทาง คุณอาจต้องคุยกันให้ชัดตั้งแต่เริ่มออกเดินทางว่า การเดินทางของคุณทั้งคู่ครั้งนี้ไม่ได้มีเงินเป็นตัวตั้ง แต่เพื่อบรรลุแพชชั่นที่คุณทั้งคู่มีร่วมกัน และไม่ว่าทางข้างหน้าจะเกิดอะไร คุณะจะไม่ลืมจุดหมายที่มีร่วมกันวันนี้

           2.กำหนดบทบาทของคุณทั้งคู่ให้ชัด

ใครที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมาก่อน ย่อมรู้ดีว่า ในโลกการทำงาน บทบาทและความรับผิดชอบที่ชัดเจนคือ หนึ่งในหัวใจที่ทำให้งานลุล่วง เช่นเดียวกับการทำธุรกิจ ถึงคุณและหุ้นส่วนอาจต้องทำหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน แต่อย่างน้อยคุณต้องเปิดใจคุยกันให้ชัดแต่ต้น เพื่อแบ่งแยกบทบาทการทำงานไม่ให้ทับซ้อนกัน และแม้ในทางปฏิบัติคุณทั้งคู่อาจยังต้องตัดสินใจร่วมกันในหลายๆเรื่อง แต่หากเรื่องใดที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของอีกฝ่าย คุณควรให้เกียรติและไม่ก้าวก่ายการทำงานของกันและกัน

            3.แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวให้เด็ดขาด

            แม้การขีดเส้นแบ่งนี้จะเป็นเรื่องยาก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ คุณต้องทำให้ได้ เทคนิคง่ายๆ คือ คุณอาจเริ่มต้นด้วยการทำข้อตกลงกันก่อนว่า หากก้าวออกจากที่ทำงานเมื่อไหร่ ต้องไม่เดินออกมาแต่ตัว แต่คุณทั้งคู่ต้องพร้อมถอดหัวโขนคำว่า “หุ้นส่วน” วางไว้ตรงนั้น แล้วกลับมาสวมหมวกของเพื่อน แฟน หรือ ภรรยา ที่พร้อมเป็นคู่คิด สนุกกับการใช้ชีวิตไปด้วยกันโดยไม่มีคำว่างานหรือธุรกิจมาทำให้เสียบรรยากาศ  

            4.อย่าโยนความผิดให้อีกฝ่าย

            ขึ้นชื่อว่าการทำธุรกิจ ไม่มีสูตรสำเร็จและอะไรที่คาดเดาได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ในฐานะคนที่ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่นั่งโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย  

            5.ห่างกันบ้างก็ได้

                  ต่อให้จะรักและสนิทกันแค่ไหน แต่บางครั้งคนเราก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวพอให้ได้คิดถึงหรือเป็นห่วงกันบ้าง เพราะฉะนั้นหากคุณเลือกเปลี่ยนสถานะเพื่อน หรือคู่รักมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่ต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา ทั้งตอนทำงาน และหลังเลิกงานแล้ว เพื่อความสัมพันธ์ที่ราบรื่น คุณอาจต้องลองถอยหลังคนละก้าว แยกย้ายไปหากิจกรรมที่สนใจทำ ไปพบเจอผู้คนหรือเรื่องราวใหม่ๆ อย่างน้อยคุณจะได้มีเรื่องน่าตื่นเต้นมาเล่าสู่กันฟัง แทนที่จะตัวติดกันทั้งวัน จนทำให้ความสัมพันธ์นับวันมีแต่จืดชืด

            6.อย่าให้ความสนิททำให้พูดแบบไม่คิด       

                  ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวยิ่งต้องใส่ใจความรู้สึก ไม่แปลกหรอกหากคุณจะเอ่ยคำชมอีกฝ่ายบ้าง เมื่อเขา/เธอสร้างผลงานหรือประสบความสำเร็จ ในทางกลับกัน หากเขา/เธอผิดพลาด แม้จะตำหนิหรือวิจารณ์ ก็ไม่ควรถือเอาความสนิท จนลืมตัวระเบิดอารมณ์ใส่กัน เพราะบางครั้งคำพูดที่ไม่ได้คิดจากคนใกล้ตัวสร้างบาดในใจอีกฝ่ายได้ลึกยิ่งกว่าคนนอกเสียอีก

 

ขอบคุณที่มา www.forbes.com และ www.inc.com

 บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก