"การเริ่มต้นธุรกิจเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น พอๆกับน่ากลัว การเริ่มต้นธุรกิจไม่ต่างกับการขับรถฝ่าหมอกทึบที่คุณสามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้เพียงในระยะไม่กี่เมตร คุณไม่มีทางรู้หรอกว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าจนกว่ามันจะปรากฏให้เห็น ตราบจนเมื่อขับจนชำนาญแล้วเท่านั้น จึงจะเริ่มจับทางได้" นี่คือ คำเปรียบเปรยที่กลั่นจากหัวใจของ "แบรนดอน เทิร์นเนอร์" คนหนุ่มรุ่นใหม่ที่่สร้างตัวจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จนประสบความสำเร็จ เขาไม่เพียงเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้อหลัง  BiggerPockets.com หนึ่งในเว็บไซต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ แต่ยังเป็นคอลัมนิสต์และนักเขียนที่มีผลงานมากมาย  

            ไม่ว่าเหตุผลที่ทำให้คนๆหนึ่งตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเสี่ยงดวงในสนามธุรกิจ แต่ก้าวต่อไปในโลกแห่งความเป็นจริงต่างหาก คือ ด่านหินที่คุณต้องฝ่าไปให้พ้น เพราะในสนามธุรกิจไม่มีคำว่าโชคช่วย ไม่มีคำว่ามิตรแท้หรือศัตรูถาวร  คนที่พร้อมและแข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด

           

สำหรับมือใหม่ที่คิดเทหมดหน้าตัก เพื่อลงสนามประลองฝีมือในโลกธุรกิจซักตั้ง ก่อนเดิมพันครั้งใหญ่ขอให้ลองตอบคำถามวัดใจ 6 ข้อนี้ดูก่อน ถ้าคำตอบของคุณคือใช่ทั้งหมดก็อย่าได้รอช้า เหยียบคันเร่งได้เลย แต่ถ้ายังลังเลหรือเซย์โนในหลายข้อ อาจต้องแตะเบรก และกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้ง

            1.กล้าพอมั้ยที่จะรับความเสี่ยงด้านการเงิน? สำหรับใครที่คิดจะสร้างธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นอดีตมนุษย์เงินเดือนหรือเป็นบัณฑิตจบใหม่เพิ่งก้าวเท้าออกรั้วมหาวิทยาลัย สิ่งแรกที่ต้องเตรียมใจรับมือไว้เลยคือ สถานะทางการเงินที่ไม่เหมือนเดิม คุณต้องพร้อมรับรายจ่ายก้อนโตที่จะประดังเข้ามาแบบไม่รู้จบ ทั้งรายจ่ายจากการทำธุรกิจและรายจ่ายส่วนตัว คุณไม่เพียงต้องมั่นใจว่ามีเงินทุนมากพอที่จะประคับประคองธุรกิจให้รอด  แต่ยังต้องรู้วิธีเอาตัวรอดในการหาแหล่งเงินทุน เพราะหนึ่งในข้อผิดพลาดที่รุ่นพี่ในวงการฝากถึงมือใหม่ทั้งหลายคือ ต้องทำการบ้านให้หนัก รู้ให้รอบด้าน เพราะสมัยนี้มีช่องทางมากมายให้คุณสามารถระดมทุนมาเพื่อกอบกู้หรือขยายธุรกิจได้ หากธุรกิจของคุณมีความน่าสนใจและมีโอกาสเติบโตมากพอ

            2.มั่นใจว่ามีทีมหนุนที่แข็งแกร่งพอหรือไม่? เมื่อกระโจนเข้าสู่ถนนธุรกิจแล้ว เส้นทางจากนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ระหว่างทางยังเต็มไปด้วยกรวดทราย หลายครั้งคุณอาจถูกตั้งคำถาม หรือ บั่นทอนกำลังใจในสิ่งที่ทำ เพราะฉะนั้นคุณต้องมั่นใจว่ามีภูมิคุ้มกันที่ดีพอ มีคนรอบข้างที่พร้อมจะสนับสนุนคุณในวันที่ล้มหรือต้องการใครสักคนเป็นที่ปรึกษา

            3.ถ้าล้มแล้วพร้อมจะลุกหรือไม่? หากจากนี้ชีวิตของคุณต้องหกล้มนับครั้งไม่ถ้วน เจ็บปวดจากความผิดหวังซ้ำๆ คุณคิดว่ายังพร้อมที่จะกัดฟันลุกขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเหล่าหรือไม่  หนึ่งในตัวอย่างของนักธุรกิจที่ล้มมานับครั้งไม่ถ้วน คือ เจมส์ ไดสัน ชาวอังกฤษผู้คิดค้นเครื่องดูดฝุ่นที่ไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่น เขาใช้เวลาถึง 5 ปีสร้างต้นแบบและล้มเหลวถึง 5,126 ครั้ง กว่าจะทำสำเร็จในครั้งที่ 5,127 กลายเป็นผู้ปฏิวัติวงการเครื่องดูดฝุ่นครั้งสำคัญ แน่นอนว่าหากเขายอมแพ้ตั้งแต่ครั้งที่ 5,000 คงไม่สามารถกลายเป็นมหาเศรษฐีได้

            4.ทำใจได้หรือไม่ หากต้องบอกลาความสบาย? มาร์ค คิวบาน มหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าของทีมบาสเกตบอลดัลลัส แมฟเวอริกส์มักเล่าถึงชีวิตของเขาสมัยยังไม่ร่ำรวยเพื่อเป็นแรงบันดาลให้บรรดามือใหม่ที่คิดจะสร้างธุรกิจว่า เขาต้องนอนกับพื้นในอพาร์ตเมนต์ที่อยู่อัดกับเพื่อนอีก5 คน และกินแซนด์วิชเพื่อประทังชีวิต คุณคิดว่าถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น จะรับได้หรือไม่และยังสู้ไหวหรือเปล่า เพราะเมื่อคิดจะสร้างธุรกิจ คุณต้องพร้อมอุทิศตน บางครั้งอาจต้องยอมขายรถไปขึ้นรถเมล์ ขายบ้านไปเช่าอพาร์ตเมนต์ เพื่อนำเงินก้อนไปใช้ในการต่อยอดหรือพัฒนาธุรกิจ

            5.รับได้หรือไม่ ชีวิตที่ไม่แบ่งแยกคำว่างานหรือส่วนตัว? เป็นธรรมดาที่ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ งานจะขโมยเวลาในชีวิตทั้งหมดของคุณไป จนแทบลืมรสชาติความสนุกหลังเลิกงาน หรือวันหยุดยาวไปเลย เพราะชีวิตจากนี้ คุณจะมีงานเป็นเพื่อนสนิท และเป็นเงาตามตัว จนกว่าที่ธุรกิจจะเริ่มอยู่ตัว ถึงจะเริ่มห่างกันได้บ้าง

 

            6.คุณมองเห็นภาพความสำเร็จตัวเองหรือไม่? ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐ กล่าวไว้อย่างจับใจว่าแค่เชื่อว่าทำได้ ก็เท่ากับคุณประสบความสำเร็จแล้วครึ่งทางเพราะฉะนั้นหากแค่ก้าวแรกของการทำธุรกิจคุณยังไม่เห็นภาพตัวเองอยู่ที่เส้นชัยก็ไม่มีประโยชน์ที่จะก้าวต่อไป   

ขอบคุณที่มา : www.entrepreneur.com

บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก