1 สิงหาคม 2560: บริษัท ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว SONDER living (ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังของโลก อย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมย้ำตลาดเฟอร์นิเจอร์ยังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกาศมั่นใจก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ภายใน 3 - 5 ปี ด้วยการบริหารงานจากประสบการณ์ในธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายในที่มีมากว่า 10 ปี เผยมุ่งเน้นแนวคิดตอบโจทย์ Segment ชัดเจนด้วยการนำ 7 แบรนด์ดังโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลก มาเอาใจกลุ่มลูกค้าที่หลงใหลการออกแบบ บ่งบอกรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์โดยเฉพาะ ตั้งเป้าสิ้น 2561 ดึง 5% ของตลาดรวม สร้างมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทในกลุ่มไฮเอนด์

          บุษกล เกียรติไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายในที่มีมากว่า 10 ปี บริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจในภาพรวมจะมีการชะลอตัว ซึ่งหากดูจากตลาดเฟอร์นิเจอร์ภายในประเทศพบว่า ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเซ็กเมนต์ Mass ที่ขยายตัวไม่มากนัก แต่กลุ่มเซ็กเมนต์ไฮเอนด์ที่มีอยู่ประมาณ 8% ของตลาดรวม มูลค่าประมาณ 5-6 พันล้านบาทแทบไม่มีผลกระทบ แต่กลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เป็นเพราะกลุ่มนี้จะมีไลฟ์สไตล์ความชอบในแบบเฉพาะ เน้นรายละเอียดของงานฝีมือและการออกแบบดีไซน์ มาเป็นปัจจัยประกอบในการเลือกซื้อ ซึ่งนอกจากแบรนด์หรือดีไซน์เนอร์ที่ชื่นชอบแล้ว เฟอร์นิเจอร์ต้องตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของลูกค้า มีเรื่องราวเบื้องหลังในการทำชิ้นงานที่สะท้อนตัวตนของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้นำ SONDER living เข้ามาทำการตลาดและถือเป็นผู้นำเข้ารายเดียวในประเทศไทย เพื่อมาตอบโจทย์กลุ่ม segment นี้โดยเฉพาะ พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ภายใน 3 ปี อย่างแน่นอน”

          “การแข่งขันในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ตลาดกลางไปถึงตลาดบนมีความแตกต่างจากเซ็กเมนต์ Mass ในหลายด้าน ได้แก่ ขนาดของตลาดที่ยังไม่ใหญ่มากและยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องตามรายได้ของกลุ่มผู้มีรายได้ Mid-High นอกจากนี้ ตลาดเฟอร์นิเจอร์มีการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลาดกลางบนถึงตลาดบน เป็นปัจจัยส่งเสริมให้สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง  และยังถือว่าไม่ใกล้เคียงกับการ over supply เพราะอัตราผลตอบแทนของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เซ็กเมนต์นี้ยังโตได้ 5-15% ต่อปี ขึ้นอยู่กับโซน ที่สำคัญคือความสนใจเรื่องงานดีไซน์ การเข้าถึงข้อมูลความเข้าใจในคุณภาพและวัสดุทำให้เฟอร์นิเจอร์แต่ละแบรนด์ในเซ็กเมนต์นี้มี

          ความแตกต่างกันค่อนข้างมาก จึงทำให้มีช่องว่างในการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ถ้าเข้าใจช่องว่างตรงนี้ ก็จะสามารถขยายตลาดใหม่ได้ นับเป็นกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอีกทางหนึ่ง” บุษกล กล่าวเพิ่มเติม

          ทางด้าน กมนนัทธ์ เต็มไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซอนเดอร์ ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนการตลาดของ SONDER living ประเทศไทย คือการเน้นตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก โดยจุดเด่นของ SONDER living คือ การเป็นแบรนด์ แกลเลอรี่ (Brand Gallery) ที่รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจาก 7 ดีไซน์เนอร์ชื่อดังในวงการเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกภายใต้ 7 แบรนด์ ที่มีสไตล์การออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร อาทิ Thomas Bina, Tracey Boyd, Andrew Martin, Maison 55, Nellcote Studio, Coup&Co., และ Kelly Hoppen

          นอกจากนี้ SONDER living ยังมีจุดเด่นทั้งประสบการณ์และคุณภาพในการผลิต รวมทั้งขนาดของโรงงานของ Rochdale Spears ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่กว่า 80,000 ตรม. พร้อมประสบการณ์ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์มากว่า 30 ปี ผลิตทุกอย่างเบ็ดเสร็จภายในโรงงาน เพื่อควบคุมคุณภาพตลอดการผลิต ทำให้มีความน่าเชื่อถืออย่างสูงสุด ตลอดจนมีต้นทุนที่ได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะถือว่าสามารถควบคุมขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทำให้ได้ชิ้นงานคุณภาพดีที่สุด ในราคาที่คุ้มค่า และหนึ่งในหัวใจสำคัญของ SONDER living  คือระบบ AAT (available any time) ด้วยขนาดในการผลิตจำนวนมาก ประกอบกับการมี warehouse ทั่วโลก อาทิ อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย และในอนาคตอันใกล้ที่ ออสเตรเลีย และ แอฟริกาใต้ ทำให้สามารถจัดส่งได้ทันที และรวดเร็วที่สุด โดยสามารถลดเวลาการจัดส่งของเฉลี่ยได้ถึง 70-80% หากเทียบกับเฟอร์นิเจอร์นำเข้าแบรนด์อื่นในตลาดเดียวกันที่มีอยู่ในตลาดในขณะนี้ กมนนัทธ์ กล่าว

          กมนนัทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ SONDER living ยังสามารถ Mass customization สำหรับลูกค้าต้องการทำเฟอร์นิเจอร์พิเศษ เพื่อรองรับโครงการระดับ exclusive ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม หรือ Luxury retail ก็สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด ในเรื่องของการเลือกวัตถุดิบและวัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ของ SONDER living ทุกชิ้นจะเป็นระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด โดยไม่ลืมคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ไม้ Peroba ซึ่งเป็นไม้จริงคุณภาพดีรีไซเคิลจากประเทศบราซิล โดยไม่ต้องใช้ไม้ใหม่ รวมถึงการใช้เทคนิคพิเศษเฉพาะของ SONDER living ในการทำผิว Finishing หนังปลากระเบน ซึ่งมีความสวยงามและทำได้ยากมาก เพื่อให้ได้พื้นผิวและลวดลายที่เสมือนจริง ทดแทนการใช้หนังปลากระเบนจริง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของปลากระเบน เป็นต้น

           “สำหรับการทำการตลาด เราเน้นการทำการตลาด offline และ online ไปพร้อม ๆ กัน โดยสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าทราบว่าตอนนี้ SONDER living มีอยู่ในประเทศไทยแล้ว โดยใช้แคมเปญ  SONDER & Me เผยหัวใจสำคัญ 4 อย่างของ SONDER living ที่บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ในแบบตัวคุณ นั้นก็คือ  Originality, Design, Luxury และ Uniqueness โดยได้รับเกียรติจาก 4 เซเลบริตี้นักธุรกิจชื่อดังในวงการต่าง ๆ มาร่วมเป็นตัวแทนสะท้อนไลฟ์สไตล์ความเป็นตัวตนผ่านเฟอร์นิเจอร์ของ SONDER living นอกจากนี้ เรายังได้เปิด SONDER living Thailand Flagship Gallery บนถนนพระรามเก้า อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและได้มีประสบการณ์กับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านอย่างใกล้ชิดอีกด้วย โดยเราตั้งเป้ายอดขายรวมกว่า 200 ล้านบาท หรือประมาณ 5% ของตลาดใน segment นี้ภายในสิ้นปี 2561” กมนนัทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

         ฐิตินันท์ เกียรติไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ซอนเดอร์    ลิฟวิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า ในโอกาสฉลองเปิด SONDER living Thailand Flagship Gallery บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ มอบส่วนลด 15% ให้กับลูกค้าที่ซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านของ SONDER living ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อครบ 500,000 บาท บริษัทฯ จะให้ส่วนลดพิเศษถึง 20% ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2560 นี้เท่านั้น

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  sonderliving