ถอด 10 ยุทธศาสตร์ผู้นำจากสมรภูมิ “Dunkirk” ที่โลกต้องรู้!
ไม่ว่าความรู้สึกของคุณหลังจากชมภาพยนตร์เรื่อง Dunkirk ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ คริสโตเฟอร์ โนแลนจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ เพราะอย่างน้อย Dunkirk ก็ไม่เพียงสร้างมิติใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ ฉีกกรอบ “หนังสงคราม” แบบเดิมๆ ที่ต้องบู้ล้างผลาญ แต่ยังเข้มข้น อัดแน่นไปด้วยข้อคิดดีๆ ที่เก็บตกมาจากสมรภูมิรบมาเป็นข้อเตือนใจชั้นดีสำหรับผู้นำในสนามธุรกิจได้อย่างครบเครื่อง ร่วมสมัย
1.”ความตายคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสงคราม สิ่งที่ทุกคนต้องทำ คือ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป” ใครที่ติดตามประวัติศาสตร์ คงรู้ดีว่า หนังเรื่องนี้เลือกหยิบเอาหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการสร้าง หนังเปิดตัวด้วยฉากที่กองกำลังนาซีปูพรมทิ้งระเบิด ณ ชายหาดในเมืองดันเคิร์ก ซึ่งเป็นจุดที่ทหารอังกฤษและทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเกือบ 4 แสนนายถูกโอบล้อมอยู่ แน่นอนว่าปฏิบัติการครั้งนั้นได้คร่าชีวิตทหารไปเป็นจำนวนไม่น้อย ทว่าสำหรับทหารที่รอดชีวิต แม้ความตายจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก แต่พวกเขาก็ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
2.“ผู้นำที่ฉลาด ต้องเห็นคุณค่าของคู่หู” หนึ่งในฉากที่ตราตรึงใจหลายคน คือบทสนทนาระหว่างฟาร์ริเออร์ (รับบทโดยทอม ฮาร์ดี้) ทหารเครื่องบินขับไล่กับคอลลินส์ (รับบทโดยแจ็ก โลว์เดน) คู่หูของเขาในปฏิบัติการปราบเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ทำลายเรือขนส่งทหาร ตลอดจนฆ่าทหารที่อยู่บนชายฝั่ง ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายคอลลินส์ส่งสัญญาณบอกฟาร์รเออร์ว่า “มัน (เครื่องบินขับไล่ชองฝ่ายตรง)เล็งฉันอยู่” ฟาร์ริเออร์ก็ตอบกลับไปทันทีว่า “ฉันก็เล็งมัน”
3.“ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องช่วยกันให้รอดพ้นจากช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง” หนังชี้ให้เห็นถึงความสามัคคีของคนในชาติซึ่งกลายเป็นพลังสำคัญในปฏิบัติครั้งนี้ เมื่อชาวอังกฤษพร้อมใจกันตอบสนองคำร้องขอจากรัฐบาลด้วยการร่วมส่งเรือทุกแบบที่มี ทั้งเรือบด เรือยอร์ช เรือยนต์ เรือช่วยชีวิต เรือพลังงานไอน้ำ ตลอดจนทุกๆ อย่างที่สามารถลอยน้ำและบรรทุกคนได้ ร่วมขบวนเดินทางไปกับกองเรือรบที่มุ่งหน้าไปยังดันเคิร์ก
4.“คนที่ประสบความสำเร็จ คือ ผู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถและทำหน้าที่ของตัวเอง” หนึ่งในตัวละครที่แสดงได้อย่างกินใจ คือ ตอนที่มาร์ค ไรแลนซ์ ผู้รับบทมิสเตอร์ดอว์สัน พลเรือนที่เข้ามาช่วยในภารกิจนี้ พูดกับลูกชายขณะกำลังเอาเรือมูนสโตนออกไปช่วยเหล่าทหารกลับมาอังกฤษว่า “ไม่มีที่หลบซ่อนอีกแล้ว เจ้าหนู เรามีงานต้องทำ”
5.“วิกฤตทำให้คุณไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป” ยังคงเป็นมิสเตอร์ดอว์สันอีกเช่นกันที่พูดไว้อย่างน่าคิดถึงทหารที่รอดชีวิตคนหนึ่งว่า “ความเครียดจากภัยสงคราม ทำให้เขาไม่ใช่ตัวของตัวเองอีกต่อไป และ เขาไม่มีทางเป็นคนเดิมได้อีกต่อไป”
6.“ผู้นำที่ฉลาดมักเผื่อทางเลือกไว้ให้ตัวเอง” กลยุทธ์การเอาตัวรอดนี้เห็นได้จากตอนที่เหล่าทหารได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือพวกเขาเลือกที่จะเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงจุดที่สามารถหาทางหนีได้หลายทาง หากเรือถูกทิ้งระเบิดอีกครั้ง
7.“คนธรรมดาก็มีความสามารถที่จะทำสิ่งที่พิเศษได้” ใครจะคิดว่า ในยามสงครามขับคัน เรือของพลเรือนนับหมื่นๆ ลำที่ส่งเข้ามาช่วยเหลือ จะช่วยพาทหารหาญได้กลับบ้านมากมาย
8.“คนเราทุกคนย่อมมีศักดิ์ศรี แม้ในยามที่จากโลกนี้ไปแล้ว” ในตอนหนึ่งของหนัง ได้แฝงถึงอารมณ์เศร้าสะเทือนใจผ่านบทสนทนาของทหารที่รอดชีวิต เมื่อมีทหารนายหนึ่งต้องการที่นั่งบนเรือ ซึ่งเดิมเป็นที่ของวัยรุ่นชายที่เสียชีวิตไปแล้ว ในเวลานั้นแม้คนตายจะต้องสละที่ให้คนที่ยังมีลมหายใจ แต่เพื่อนทหารของเขายังคงให้เกียรติคนตาย ด้วยการกล่าวเตือนว่า “เขาตายแล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่เคลื่อนย้ายต้องระวังด้วย”
9.“ผู้นำจะต้องไม่ลังเลกับผลของการกระทำที่นำไปสู่ความสำเร็จ” หลังจากกลับมาถึงอังกฤษ ทหารนายหนึ่งได้พูดกับคนที่ยื่นผ้าห่มให้เขาว่า “ชัยชนะของพวกเราคือการมีชีวิตรอด แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
10.ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้องพร้อมยอมรับความสูญเสีย หลังจากได้ช่วยเหลือทหารหาญมากมาย สุดท้ายนักบินฟาร์ริเออร์ กลับพบว่าเครื่องบินของตัวเองเชื้อเพลิงหมด และต้องร่อนลงจอดในอาณาเขตของศัตรู และโชคร้ายถูกฝั่งนาซีจับตัวได้ในที่สุด แม้หนังไม่ได้ลงลึกไปถึงจุดจบของเขา แต่ก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก
ขอบคุณที่มา https://briandoddonleadership.com
บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก