AddVentures โดยเอสซีจี เผยการเริ่มลงทุนในกองทุน Venture Capital ระดับท็อปของอาเซียน “WAVEMAKER PARTNERS” หนุนสตาร์ทอัพกลุ่ม B2B ในภูมิภาค หวังช่วยยกระดับสตาร์ทอัพทั้ง Ecosystem

          ดร.จาชชัว แพส กรรมการผู้จัดการ AddVentures เปิดเผยว่า AddVentures ได้ประเดิมการลงทุนในลักษณะ Fund of Funds ผ่าน Venture Capital ก้อนแรก ในกองทุน Wavemaker SEA Fund II ซึ่งเป็นกองทุนที่สองของ Wavemaker Partners ที่มุ่งลงทุนสตาร์ทอัพด้าน B2B ระดับ Seed Stage ถึง Series A Stageในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          “เราเลือกลงทุนใน Wavemaker Partners เพราะเป็น Venture Capital ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จจนทำให้สตาร์ทอัพในพอร์ตหลายรายไปสู่จุดหมายหรือการ Exit ได้ เราและ Wavemaker ยังมีความสนใจร่วมกัน คือการลงทุนสตาร์ทอัพด้าน B2B และ Deep Tech Startups จึงคาดหวังหวังว่าเราจะได้ร่วมลงทุนและใช้เครือข่ายของเอสซีจีในการช่วยให้สตาร์ทอัพกลุ่มนี้เติบโต” ดร.จาชชัว กล่าว

          Wavemaker Partners ได้รับคัดเลือกอยู่ในเครือข่ายของ Draper Venture Network (DVN) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตร Venture Capital ระดับโลก มีเครือข่าย Venture Capital ชั้นนำมากกว่า 17 ราย เชื่อมโยงผู้ประกอบการและนักลงทุนจากทั่วโลก

          ดร.จาชชัว กล่าวอีกว่า Wavemaker SEA Fund II เน้นการสร้าง Portfolio จำนวนมาก เพื่อเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพ B2B ที่มีศักยภาพ 80 รายตลอดระยะเวลากองทุน และสร้างโอกาสการลงทุนรอบถัดไป (Follow-on round) ในบริษัทที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตสูง โดยการลงทุนครั้งนี้สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับการร่วมลงทุน (Co-investment) ของ AddVentures ในระดับ Series A ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ กลยุทธ์ที่สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนของ AddVentures ทำให้มีโอกาสเข้าถึงสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมด้าน B2B และอาจพิจารณานำนวัตกรรมเหล่านั้นมาต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ของเอสซีจีได้ ปัจจุบัน AddVentures และเอสซีจีก็ได้เริ่มทดลองต่อยอดสร้างความร่วมมือเชิงพาณิชย์ หรือ Commercial Deal กับสตาร์ทอัพบางรายที่ Wavemaker ได้ลงทุนไปแล้ว มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อทิศทางของบริษัทและการเจริญเติบโตของ ecosystem ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่นอน

          สำหรับ AddVentures โดยเอสซีจี เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์หลักคือ ส่งเสริมศักยภาพและลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งไทยและทั่วโลก เพื่อให้เอสซีจีสามารถเชื่อมโยงนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมทั้งยังทำให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าและบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น มีแผนในการลงทุนทั้งการลงทุนผ่านกองทุน (Venture Capital) และการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในสตาร์ทอัพทั้งในไทย อาเซียน และศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของโลก เช่น ซิลิคอนวัลเลย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา, เทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล, เสิ่นเจิ้น ประเทศจีน ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.Enterprise 2.Industrial และ 3.B2B ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจหลัก 3กลุ่มของเอสซีจี ได้แก่ 1.ธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 2.ธุรกิจเคมิคอลส์ และ 3.ธุรกิจแพคเกจจิ้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.addventures.co.th