เปิดแผนชินวะ เตรียมปักหมุดโครงการต่อไป ตั้งเป้าลงทุนในไทยปีละ 2,000 ล้านบาท แตกไลน์ทำตลาด Sigma Beam นวัตกรรมการก่อสร้าง ขายลิขสิทธิ์-หาแนวร่วมลงทุน
ดับเบิ้ลยู-ชินวะ เล็งผุดโครงการต่อไป สบช่องแตกไลน์ขายระบบลิขสิทธิ์ Sigma Beam นวัตกรรมที่กลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคาน เปิดกว้างหาผู้ร่วมทุน เน้นกลยุทธ์การพัฒนาอสังหาโดยใช้ จิตวิญญาณญี่ปุ่น หลัง “รูเนะสุ ทองหล่อ 5” คอนโดจิตวิญญาณญี่ปุ่นแท้ๆ แจ้งเกิดสวยหรู ล่าสุดคว้ารางวัลยอดเยี่ยมด้านตกแต่งภายในประเภทคอนโดโลว์ไรส์ จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2017 เล็งตั้งส่วนบริหารงานอาคารชุดและห้องเช่า โฟกัสชาวญี่ปุ่นด้วยไลฟ์สไตล์ผู้เช่าเกรด A ตั้งเป้าลงทุนในไทยปีละ 2,000 ล้านบาท
มร.โทโมยาสุ ยามาเบะ และ นายวิชัย จุฬาโอฬารกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (co-CEO) บริษัท ดับเบิ้ลยู-ชินวะ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ “รูเนะสุ ทองหล่อ 5” คอนโดจิตวิญญาณญี่ปุ่นแท้ๆ เปิดเผยว่า ภายหลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมปรากฎการณ์ใหม่ ด้วยการใช้ลิขสิทธิ์ Sigma Beam กลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคาน เพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกใน Southeast Asia ไปแล้ว ขณะนี้บริษัทแม่ชินวะ กรุ๊ป ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโอซาก้า เตรียมแผนงานลงทุนในไทยในโครงการต่อๆ ไป นอกจากนั้นยังได้แตกไลน์เป็นตัวแทนจำหน่ายและติดตั้งเทคโนโลยี SIGMA BEAM นวัตกรรมการก่อสร้างที่เป็นการกลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคาน ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุดถึง 40% โดยการใช้ไทยเป็นฐานในการทำตลาด ซึ่งเปิดกว้างในลักษณะของการร่วมลงทุนได้อีกด้วย คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนอย่างมาก ขณะนี้มีผู้ที่สนใจทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายการลงทุนในไทยปีละ 2,000 ล้านบาท
“จากการตอบรับที่ดีของโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 โดยระบบลิขสิทธิ์ Sigma Beam ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ชินวะ กรุ๊ปออกลงทุนนอกประเทศญี่ปุ่นโดยเลือกปักหมุดในไทยก่อนประเทศอื่นและประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงเตรียมพร้อมที่จะขยายช่องทางการทำตลาด สำหรับนวัตกรรมการก่อสร้างดังกล่าว โดยการเปิดขายระบบหรืออาจเป็นการร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทยและนักลงทุนในแถบอาเซียน ความเป็นไปได้ที่มีความพร้อมมากที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และฮ่องกง คาดว่าน่าจะมีการเข้าไปร่วมลงทุนหรือขายระบบโครงการแรกภายใน 1-2 ปีนี้” นายวิชัยกล่าว
ด้าน มร.ยามาเบะ กล่าวว่า นับแต่การเปิดขายรอบ VVIP Day ปรากฏว่าโควต้าในส่วนของผู้ซื้อชาวไทยนั้นหมดภายในวันเดียว ในส่วนที่เหลือโควต้าต่างชาติมีเอเจนส์เหมาไปทำการตลาดทั้งหมด เท่ากับขณะนี้งานขายหมดเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดีสำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Sales Gallery ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานขณะนี้มีการจัดเตรียมแผนเรื่องการบริหารงานอาคารชุด และการบริหารงานด้านผู้เช่าด้วย เพราะนอกจากบริษัทจะเก็บห้องชุดบางส่วนไว้เพื่อให้เช่า ยังรวมถึงการบริหารให้กับนักลงทุนที่ซื้อห้องชุดโครงการเพื่อนำมาปล่อยเช่า โดยกลุ่มเป้าหมายผู้เช่าโฟกัสที่ชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก เนื่องจากมีข้อดีหลายๆ ด้าน ทั้งไลฟ์สไตล์ การเคารพกฏระเบียบ รักความสงบ สะอาดเรียบร้อย มีวินัยทางการเงิน ตรงต่อเวลา เป็นต้น
“ชินวะ กรุ๊ป-บริษัทแม่จากญี่ปุ่น มีความชำนาญในการบริหารงานห้องชุดอย่างมาก โดยปัจจุบันมีบริหารจัดการห้องชุดกว่า 5,000 ยูนิต ดังนั้นจึงจะนำระบบการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่นมาปรับใช้ในไทย กับโครงการแรกคือ รูเนะสุ ทองหล่อ 5 ที่ผ่านมาเราได้จัดงาน Agent Day ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มีเอเจนส์ญี่ปุ่น 40 บริษัทเข้าร่วมงานเซ็น MOU ในการหาผู้เช่าชาวญี่ปุ่นมาให้โครงการ และผลจากความตั้งใจและใส่ใจที่จะสร้างโครงการคุณภาพมาตรฐานก็ส่งผลที่น่าภูมิใจ โดยล่าสุดโครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านตกแต่งภายในประเภทคอนโดโลว์ไรส์ จากงาน PropertyGuru Thailand Property Awards 2017 ครั้งที่ 12 ที่เพิ่งประกาศผลเมื่อเร็วๆ นี้” มร.ยามาเบะ กล่าว
โครงการรูเนะสุ ทองหล่อ 5 ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 1 ไร่ ในซอยทองหล่อ 5 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 156 ยูนิต โดยมี 2 type ขนาด 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้ประโยชน์ 29-75 ตารางเมตร ราคาขายขณะนี้ 240,000 บาทต่อตารางเมตร ออกแบบโครงการและฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยบรรยากาศการอยู่อาศัยแบบญี่ปุ่นแท้จริง ทั้งการใช้วัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งบางส่วนนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ ห้องน้ำระบบใหม่ที่พื้นสามารถแห้งได้อย่างรวดเร็ว, Mushu-kan Tile สุดยอดกระเบื้องเทคโนโลยีใหม่จากญี่ปุ่นที่ช่วยควบคุมความชื้น ดูดซับกลิ่น และป้องกันไรฝุ่นภายในห้องนอน เป็นต้น สำหรับพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบสมบูรณ์ด้วยสวนญี่ปุ่น สระว่ายน้ำ ออนเซนต้นตำรับแท้จากญี่ปุ่น ที่ฝึกซ้อมกอล์ฟ Auto Parking ระบบรักษาความปลอดภัย ฯลฯ เริ่มก่อสร้างเดือนตุลาคม 2560 คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 ปี 2562 มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก www.w-shinwa.com