“สมดุลแห่งความต่าง” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ด้วยแนวคิดการสร้างสมดุลแห่งความต่างในการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่
“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT 36) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ ภายใต้แนวคิด “สมดุลแห่งความต่าง” จากต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมแบบบ้านเรือนไทย ประยุกต์เข้ากับการอยู่อาศัยในยุคใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก ตั้งเป้าปิดการขาย 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บมจ.สิงห์ เอสเตท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรีมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับที่ดี โดยมียอดขายรวมกว่า 85% และในวันนี้เราได้เปิดตัวโครงการที่ 3 คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียมความสูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของสุขุมวิท คือ ติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยในระดับบนของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ จึงทำให้ทำเลนี้เป็นที่ต้องการและมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน โดยโครงการนี้ สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ ฮ่องกง แลนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในเอเชีย รวมถึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก อย่าง SOM มาช่วยดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย เพื่อให้โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มีความโดดเด่นในระดับลักชัวรี โดยตั้งเป้าปิดการขายได้ 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้าน”
“โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “A Harmony of Contrast” หรือ สมดุลแห่งความต่าง โดยการหลอมรวมอัตลักษณ์ของความเป็นไทยกับเทรนด์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน สถาปัตยกรรมที่สร้างในเขตร้อนหรือ ทรอปิคัล เฮ้าส์ เช่น บ้านเรือนไทย ถูกนำมาใช้เป็นโจทย์หลักในการออกแบบตัวอาคาร อาทิ การเปิดช่องให้ลมผ่านหรือการยกพื้นใต้อาคารเพื่อให้มีการไหลเวียนของอากาศภายใน แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่ ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้วยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability Design) อีกด้วย ในส่วนของงานภูมิทัศน์ได้แรงบันดาลใจจากภูมิประเทศแถบชนบทของไทย เช่น ทุ่งข้าว และเนินเขา มาเป็นต้นแบบ ขณะที่งานตกแต่งภายในเองก็ได้นำเอารูปแบบงานฝีมือของไทยเข้าไปใส่ในรายละเอียดต่างๆ โดยปรับแต่งให้มีความทันสมัย ทั้งนี้อัตลักษณ์ของความเป็นไทยทั้งหมดได้ถูกผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ได้อย่างสมดุลและลงตัว โดยมั่นใจว่าการออกแบบดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโครงการลักชัวรีอื่นในตลาด”
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า “ในส่วนของห้องพักอาศัยทั้ง 338 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50-43.25 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50-77.00 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 116.75-124.25 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 252 ตารางเมตร ทุกห้องมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการเพื่อให้การใช้ชีวิตในโครงการสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนกลางยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกวัฒนธรรมการอยู่อาศัย อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ออนเซ็น สกายเลาจน์ เธียเตอร์รูม กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ ฯลฯ”นายเทอเรนซ์ ลี ผู้จัดการทรัพย์สินอาวุโสของฮ่องกง แลนด์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่า ดิ เอส สุขุมวิท 36 จะเป็นโครงการที่นำเสนอจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้ได้อย่างงดงาม โครงการนี้ได้ที่ปรึกษาด้านการออกแบบซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก มาร่วมออกแบบและวางแผนก่อสร้างด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอาคารที่พักลักชัวรีระดับโลก นอกจากนี้เรายังได้นำประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ทั่วเอเชียมาร่วมกันสรรสร้างสัญลักษณ์ใหม่แห่งกรุงเทพมหานครแห่งนี้
ในฐานะหุ้นส่วนโครงการนี้ ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับ สิงห์ เอสเตท และหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน รวมถึงสร้างมาตรฐานการใช้ชีวิตแบบมีระดับร่วมกันต่อไปอีกในอนาคต ฮ่องกง แลนด์ เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของไทยมีอนาคตที่สดใส เราหวังว่าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพาร์ทเนอร์คนสำคัญกับ สิงห์ เอสเตท ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะร่วมลงทุนในโครงการอื่นๆ ด้วยกันอีกในอนาคต”
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันทองหล่อเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น เพราะเป็นแหล่งที่รวมไลฟ์สไตล์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติมากกว่าทำเลอื่นในกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่นมาก มีตลาดชัดเจน คอนโดระดับราคา 250,000-350,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะดูราคาสูง แต่เป็นระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ เมื่อเทียบ กับทำเล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจราคารวมต่อยูนิตด้วย ทั้งนี้ซีบีอาร์อีมองว่าคอนโดระดับราคา 10-20 ล้านบาท/ ยูนิต ค่อนข้างเหลือน้อยแล้วในทำเลนี้ อีกอย่างที่สำคัญคือรายละเอียดของโครงการว่ามีความสนใจมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่ายิ่งต้องดูว่าโปรดักส์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มที่เรามองไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ในช่วงที่ผ่านมาชาวต่างชาติเองก็หันมาลงทุนซื้ออสังหาฯในเมืองไทยมากขึ้น เพราะราคาอสังหาฯในเมืองไทยยังราคาไม่ค่อยสูงเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ และมาตรฐานของโครงการในเมืองไทยก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่การออกแบบและของที่ให้ โดยชาวต่างชาติมักจะลงทุนในทำเลที่ตนเองมีความคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งสะดวกต่อการเดินทางและดีในแง่ของการลงทุน ซึ่งก็ไม่พ้นสุขุมวิท”
โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 12 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2563 ทั้งนี้โครงการจะเปิดขายให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป งาน Pre Sales จะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 พ.ย. 2560 สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงวันดังกล่าว จะได้รับส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 2-8 แสนบาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1221 หรือ www.singhaestate.co.th
ขอบคุณข้อมูลจาก www.singhaestate.co.th