แสนสิริ ก้าวล้ าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยแผนการลงทุนมูลค่า 80 ล้านดอลล่าร์ หรือ 2,800 ล้านบาทใน 6​ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนนำของโลก ซึ่งเป็นการขยายฐานการลงทุนในธุรกิจอื่นครั้งสำคัญเพื่อสร้าง พันธมิตรในประเภทธุรกิจอันหลากหลาย โดยทั้ง 6 ธุรกิจล้วนมีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลกซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของแสนสิรินอกประเทศไทย เร่งเดินหน้ากลยุทธ์โมเดลธุรกิจแบบ asset light ในยุคปฏิวัติดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสจากการผนึกกำลังร่วมและโอกาสการเติบโตที่รวดเร็ว โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของบริษัททั้งหกจากการเข้าถือหุ้นของแสนสิริจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของแสนสิริ การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของแสนสิริที่มุ่งให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในอนาคต ครอบคลุมทั้งแนวทางการด าเนินชีวิต การทำงาน การพักผ่อนหย่อนใจ และการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและสื่อรูปแบบใหม่ ๆ


     ธุรกิจที่แสนสิริร่วมลงทุนครั้งนี้ประกอบด้วย Standard Internationalแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจบูติกโฮเท
ลซึ่งพลิกโฉมหน้าวงการโรงแรมระดับไฮเอนด์แบบใหม่ไปสู่อีกรูปแบบ One Nightแอพพลิเคชั่นจองโรงแรมที่ปฎิ
วัติวิธีการจองภายในวันเข้าพักในโรงแรมที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วโลกให้เลือก Hostmaker บริษัทผู้บริหาร
จัดการอสาหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งจากลอนดนให้ Airbnb JustCo ผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้ง สเปซสุดสร้างสรรค์ที่
ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Farmshelf นวัตกรรมฟาร์มอัจฉริยะเพื่อการปลูกผักสดสะอาดในที่พัก
อาศัย และ Monocle แบรนด์สื่ออันทรงอิทธิพลระดับโลก ครอบคลุมทั้งสิ่งพิมพ์ ออนไลน์ วิทยุ ภาพยนตร์ รีเทล
และธุรกิจบริการ

     แสนสิริคือผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2527 และเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
แบบครบวงจรรายเดียวของประเทศซึ่งมีมูลค่ายอดขายโครงการมากกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมี
ชื่อเสียงอันแข็งแกร่งในต่างประเทศ ทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ด้วยเป้าหมายยอดขายในตลาด
ต่างประเทศในปี 2560 ที่12,000 ล้านบาท


นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จ ากัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเติบโตของธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย สอดคล้องกับการเติบโตของจีดีพี ซึ่งการเติบโตในระดับที่ไม่สูงนัก แต่แสนสิริ
วางเป้าหมายการเติบโตในระดับสูง และการลงทุนครั้งนี้นับเป็นการพัฒนาที่อยู่นอกเหนือธุรกิจหลักของเราเป็น
ครั้งแรก เราก าลังขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกและมุ่งลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่ดีในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากธุรกิจ
ที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และอาศัยพันธมิตรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเราไปพร้อม ๆ กัน”

     “ก้าวส าคัญต่อไปของเราคือการมุ่งตอบสนองความต้องการที่เปลี่ย นไป ของผู้บริโภคโดยการสร้างสรรค์
แพลตฟอร์มระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่ความเป็นแบรนด์
ระดับโลก เป็นผู้น าในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งการผนึกก าลังร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายยังนับเป็น
การพลิกโฉมแสนสิริเพื่อสร้างการเติบโตสู่อนาคต โดยให้ความส าคัญใน 3 ด้านคือ 1. การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในแบ
รนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก 2. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย หรือ PropTech ร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี
ชั้นน า และ 3. การเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้น าและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม”
นายเศรษฐาเสริม

Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล)


     The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจบูติกโฮเทล มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 5
แห่ง ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และไมอามีและโรงแรมแห่งใหม่ที่ก าลังจะเปิดเร็วๆ นี้ในลอนดอน The
Standard คือผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมแบบไลฟ์สไตล์และสร้างประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมที่ใหม่หมดทุก
รายละเอียด ตั้งแต่รายละเอียดของการออกแบบ ไปจนถึงการเป็นจุดหมายสุดสร้างสรรค์เพื่อสัมผัสกับชุมชนและ
วัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด โดยโรงแรมทุกแห่งมีภัตตาคาร ไนท์ไลฟ์และร้านค้าที่มีคุณภาพเป็นเลิศ
และมีช่องทางการสื่อสารออนไลน์ที่โดดเด่นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ท างานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ซึ่งเป็นลูกค้า
เป้าหมาย ทั้งในเมืองที่ตั้งของโรงแรมและที่อื่น ๆ ด้วยการลงทุนมูลค่า 58 ล้านดอลล่าร์ แสนสิริจะเป็นผู้ถือหุ้น
35% ในสี่กลุ่มธุรกิจของ Standard International ประกอบด้วย The Standard Hotel Operations and
Management, Bunkhouse Group, แอพพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรม
แผนการลงทุน การลงทุนครั้งนี้จะใช้เป็นเงินลงทุนในโรงแรมใหม่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มใหม่ และในการพัฒนา
นวัตกรรมแอพพลิเคชั่น One Night ส าหรับการจองโรงแรมแบบนาทีสุดท้าย (Last minute booking) เพื่อเข้า
พักในวันเดียวกันโดยมีโรงแรมไลฟ์สไตล์ที่คัดสรรมาแล้วจากทั่วโลกให้เลือก

มร. อามาร์ ลาลวานี่ ซีอีโอและ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “The Standard
มีชื่อเสียงในฐานะผู้บุกเบิกด้านบริการโรงแรมที่พัก การเดินทาง อาหารชั้นเลิศ ไนท์ไลฟ์ และอื่น ๆ ด้วยแนวคิดที่
แหวกขนบเดิม ๆ และแฝงความสนุกสนาน สร้างความละเมียดละไมด้วยการออกแบบ การเพิ่มเติมรายละเอียด
และการบริการที่สุดพิถีพิถัน การจับมือกับแสนสิริจะช่วยให้เราเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมจาก
เทคโนโลยีและโรงแรมใหม่ ๆ ทั้งในเอเชีย และภูมิภาคอื่นทั่วโลก”

One Night (วัน ไนท์)


     One Night เป็นแอพพลิเคชั่นส าหรับการจองโรงแรมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กลุ่ม
บริษัทเจ้าของบริษัท เดอะ สแตนดาร์ด โฮเท็ล กรุ๊ป และเป็นแพล็ตฟอร์มการจองโรงแรมระบบแรกซึ่งออกแบบโดย
บริษัทโรงแรมเอง One Night คือแพล็ตฟอร์มที่ใช้งานบนเครือข่ายโมบายซึ่งสร้างรายได้จากการเติบโตอย่าง
รวดเร็วของการจองโรงแรมบนเครือข่ายโมบาย ความต้องการในโรงแรมที่พักที่สร้างประสบการณ์อันน่าจดจ า
ตลอดจนไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภครุ่นใหม่ One Night จึงเกิดขึ้นเพื่อน าเสนอแนวความคิด

ใหม่ในธุรกิจโรงแรม ซึ่งไม่มองคู่แข่งเป็นคู่แข่ง แต่มองคู่แข่งเป็นพันธมิตรที่มีศักยภาพในการท าอะไรร่วมกันได้
เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษให้ลูกค้าและเสริมสร้างธุรกิจไปด้วยกัน
แผนการลงทุน แสนสิริจะช่วยส่งเสริมให้ One Night พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในตลาดนานาชาติ
โดยเฉพาะในเอเชีย
มร. จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One Night กล่าวว่า “การลงทุนจากแสนสิริช่วยให้เรามีเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจ
อย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในระดับนานาชาติ อีกทั้งยังท าให้เราเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ จากการลงทุนในธุรกิจ
อื่น ๆ ของแสนสิริ ซึ่งจะช่วยให้เราเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง”

Hostmaker (โฮสต์เมกเกอร์)



     Hostmaker คือบริษัทผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยและผู้บริหารการจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb ที่
ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว แสนสิริเล็งเห็นถึงเทรนด์home-sharing หรือการแบ่งที่พักอาศัยให้เช่า
ก าลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้บริการด้านบริหารที่พักอาศัยเติบโตขึ้นตามไปด้วย Hostmaker
ด าเนินธุรกิจในลอนดอน โรม ปารีส และบาเซโลน่าโดยให้บริการลูกค้าผู้พักอาศัยมาแล้วกว่า 150,000 คนทั่วโลก
แผนการลงทุน Hostmaker จะขยายธุรกิจสู่เอเชียภายใต้การสนับสนุนของแสนสิริ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้าง
รายได้ใหม่ ๆ จากตลาดนอกประเทศไทยให้กับแสนสิริ
มร. นกุล ชาร์มา ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ Hostmaker กล่าวว่า “เราคือบริษัทด้าน PropTech ที่มุ่งสร้างโซลูชั่นด้าน
การพักอาศัยในยุคเศรษฐกิจแห่งการแบ่งปัน (sharing economy) เพื่อตอบสนองความคาดหวังด้านบริการที่
สูงขึ้นของผู้บริโภคเจเนอเรชั่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เงินทุนจากแสนสิริจะเปิดโอกาสใหม่ให้เราเติบโตด้วย
บริการใหม่ ๆ และเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ เช่นเดียวกับการน าเอาความเชี่ยวชาญในตลาดนานาชาติของเรามาช่วย
เสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของแสนสิริ และพลิกโฉมแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยสู่การเป็นธุรกิจที่
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม”

JustCo (จัสท์โค)


     JustCo คือ ผู้ให้บริการโคเวิร์คกิ้งสเปซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันเปิดให้บริการทั้งหมด 11
แห่ง และมีแผนจะเปิดสาขาใหม่อีก 20 แห่งในในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2561 แสนสิริเล็งเห็นว่าในอนาคต
องค์กรขนาดใหญ่จะหันมาใช้สถานที่ท างานแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซมากขึ้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานเกิดพลัง
สร้างสรรค์ การผสมผสานทางความคิด และพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี แสนสิริวางเป้าหมายให้ JustCo ขยายการ
เติบโตอย่างรวดเร็ว
แผนการลงทุน แสนสิริและ JustCo ร่วมกันวางแผนเปิดตัว JustCo สาขาใหม่ 4 แห่งในกรุงเทพฯ ในปี 2561
รวมทั้งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในเอเชีย

มร. วัน ซิง คง ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง JustCo กล่าวว่า “JustCo สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์มาอย่างต่อเนื่องในเมือง
ต่าง ๆ ความร่วมมือกับแสนสิริจะช่วยเปิดประตูให้เราขยายธุรกิจสู่กรุงเทพฯ นับเป็นเงินทุนที่มาในช่วงเวลาอัน
เหมาะสม เพราะเราก าลังพร้อมขยายธุรกิจสู่เมืองหลักอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น จาการ์ต้า
กัวลาลัมเปอร์ โฮจิมินซิตี้ และมะนิลา ด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากแสนสิริ เราคาด
ว่าจะสามารถขยายโคเวิร์คกิ้งสเปซได้ครบ 30 แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิกภายในปี 2561 ซึ่งแสนสิริเองก็สามารถเข้าถึง
ฐานสมาชิกของเราซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพสูงกว่า 12,000 คนเช่นกัน”

Farmshelf (ฟาร์มเชลฟ์)



     Farmshelf คือผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติซึ่งช่วยให้ทุกคนสามารถปลูกผักเพื่อการ
บริโภคได้ง่ายดายภายในบ้านหรือที่ท างาน แสนสิริลงทุนใน Farmshelf เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่าง
รวดเร็วของธุรกิจด้านสุขภาพ และแนวโน้มของผู้บริโภคที่มีความต้องการอาหารคุณภาพที่สดใหม่ รวมทั้ง
ปรากฏการณ์การพักอาศัยแบบร่วมมือแบ่งปันกัน (collaborative living)
แผนการลงทุน Farmshelf มีโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลเพื่อการน าไปใช้ในโครงการที่พักอาศัยต่าง ๆ ของแสน
สิริ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกบ้าน การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้คือโอกาสส าคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่าง
รวดเร็วสู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย
มร. แอนดรู เชียเรอร์ ซีอีโอ Farmshelf กล่าวว่า “เราเชื่อในเรื่องการผลิตอาหารเพื่อบริโภคด้วยตัวเอง ซึ่งแม้แต่
คนเมืองที่มีชีวิตอันรีบเร่ง และมีพื้นที่อาศัยจ ากัดก็สามารถท าได้ Farmshelf ช่วยให้ทุกคนปลูกพืชผักเป็นอาหาร
ในที่พักอาศัย หรือที่ท างาน โดยใช้แอพพลิเคชั่นและเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence
หรือ AI) ที่ทันสมัย ด้วยเงินทุนจากแสนสิริ เราสามารถต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และน าวัฒนธรรมใหม่นี้มาสู่
ประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยและเชื่อมั่นใน
การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและมีสุขภาพดี”

Monocle (โมโนเคิล)


     ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของอุตสาหกรรมสื่อในระหว่างทศวรรษที่ผ่านมา Monocle กลับสามารถ
สร้างความส าเร็จด้วยการน าเสนอประสบการณ์แบบลักชัวรี่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ผสมผสานกับการเป็นผู้บุกเบิกในการ
ใช้สื่อเสียง ร้านค้ารีเทล และบริการโรงแรมที่พัก ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคุณค่าของแบรนด์และการสื่อสาร
อย่างเปี่ยมคุณภาพของ Monocle ได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกไปแล้ว
แผนการลงทุน Monocle จะท าหน้าที่ส่งเสริมแบรนด์แสนสิริและพันธมิตรให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยช่วยก าหนดและ
วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงสู่กลุ่มลูกค้าของ Monocle ในตลาดนานาชาติโดยอาศัยฐานธุรกิจที่มีอยู่
ทั่วโลก และยังเล็งเห็นถึงโอกาสส าคัญในการพัฒนาธุรกิจที่ใช้ชื่อแบรนด์ร่วมกันในเซกเตอร์ใหม่ในอนาคต
นอกจากนี้แสนสิริยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแบบมิกซ์ยูสแนวคิดใหม่ร่วมกับ Monocle ใน
กรุงเทพฯ ในปี 2561
มร. ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle กล่าวว่า “แสนสิริและ Minocle มีความสัมพันธ์ต่อกันมายาวนาน และด้วย
ธุรกิจของเราที่เติบโตมากกว่าการเป็นเพียงสื่อ เราจึงเห็นความส าคัญของการร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มี

แนวคิดสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของเราซึ่งก าลังมุ่งสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชุมชนเมือง รีเทล และแนวคิดด้าน
บริการใหม่ ๆ มากขึ้น”

___

“ธุรกิจหลักของเรายังคงเป็นการพัฒนาและสร้างสรรค์ที่พักอาศัย แต่จุดมุ่งหมายของเราขยายกว้างขึ้นสู่ความ
มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ตั้งแต่บ้านที่เราพักอาศัย สู่วิถีในการเดินทาง และอาหารการกินที่สดใหม่
ที่สุด แสนสิริและพันธมิตรของเราจะมุ่งมั่นร่วมกันสรรสร้างวิถีแห่งการใช้ชีวิต การท างาน การเรียนรู้ และการ
พักผ่อนหย่อนใจเพื่อวันข้างหน้าที่ดีขึ้น” นายเศรษฐากล่าวปิดท้าย