เริ่มขึ้นแล้ว!!! สำหรับมหกรรม งานธุรกิจอีคอมเมิร์ซแห่งปีอย่าง Thailand e-commerce week 2017 Online! Shall We GO... วิ่งให้ทันโอกาส เพราะตลาดอีคอมเมิรซ์ไม่รอใคร” ที่รวบรวมผู้ประกอบการทั้งสินค้า บริการ ขนส่ง โลจิสติกส์ และแอพลิเคชั่นที่ให้ผู้ประกอบการได้นำสินค้าจำหน่ายมาโชว์และให้ข้อมูลกับผู้สนใจ โดยผู้เข้าร่วมจะได้ฟังคำแนะนำการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การทำการตลาด แบบเต็มอิ่ม
ไฮไลท์ของงานคงหนีไม่พ้นความเป็นไทยแลนด์ 4.0 ผ่านการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคิวอาร์โค้ด ซึ่งถือเป็นงานใหญ่จ้าวแรกที่นำระบบนี้มาใช้ โดยผู้ประกอบการในงานมีการตั้งป้ายคิวอาร์โค้ดไว้หน้าร้าน ให้ผู้ซื้อได้สแกนเพื่อชำระเงิน เรียกว่าสะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องพกเงินสดให้เสียเวลา หลายร้านยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้ระบบนี้ แต่ก็มองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ อย่าง ร้าน Guide Guru ผู้ให้บริการด้านแพ็คเกจท่องเที่ยวเชิงเกษตร สุขภาพ และธรณีวิทยา แต่ต้องการบอกเล่าการท่องเที่ยวผ่านสินค้าภูมิปัญญาไทย จึงนำความเป็นไทยใส่ลงไปในหัวโขนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก แต่งแต้ม ประดับประดา ให้วิจิตรงดงาม ออกมาเป็นหัวโขนที่ทรงคุณค่า สามารถนำไปเป็นของแต่งบ้านได้เป็นอย่างดี หรือใครที่อยากให้บ้านมีกลิ่นหอมก็เลือกเครื่องปั้นดินเผาที่เนรมิตรเป็นเตาอโรมาได้ ซึ่งก็อยู่ในรูปแบบหัวโขนการแสดงชั้นสูงของไทยเช่นเดียวกัน แต่การต่อยอดยังไม่สิ้นสุด ได้นำเส้นด้ายมาถักทอให้กลายเป็นพวงกุญแจตุ๊กตาหนุมาน พระลักษณ์ พระราม และตัวละครอื่นๆในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ สวยงามไปอีกแบบ และแม้จะเป็นร้านแบบไทยๆ แต่ก็ทันสมัยเพราะกำลังจะก้าวเข้าสู่การจำหน่ายผ่านออนไลน์รองรับลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
จากของแต่งบ้าน มาดูขนมไทยกันบ้าง หากพูดถึง เฉาก๊วย ทองหยิบ ทองหยอด ขนมหม้อแกง ในหัวคงแว๊บขึ้นมาทันทีว่าเก็บไว้ได้ไม่นาน ไม่กี่วันก็เสียแล้ว เพราะล้วนทำมาจากกะทิ แต่ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยทำให้แบรนด์ ขนมไทยสไตล์มินิ "มดดิ๊ไทยแลนด์" ได้นำขนมไทยเหล่านี้มาบรรจุกระป๋องโดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย ทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน 2 ปี โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น ราคาส่งก็เพียงกระป๋องละ 45 บาท แถมยังทันสมัยขายผ่านทาง www.fitebusiness.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมสินค้าที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานได้
ส่วนผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซอยู่แล้วหรือกำลังหาข้อมูล สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือการตอบคำถามลูกค้า ที่ปัจจุบันลูกค้าสอบถามเข้ามาเยอะมาก อาจตอบไม่ทันและเป็นคำถามซ้ำๆ จึงต้องมีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง one chat จ้าวแรกในไทย ที่ผู้ค้าสามารถป้อนข้อมูลไว้ในระบบก็จะสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ ทั้งราคา สต็อคสินค้า สี ไซต์ หรือแม้กระทั่งค่าขนส่ง เพียงเท่านี้ก็สามารถทำธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ซึ่งปีนี้พัฒนาให้ใช้ได้ในการจำหน่ายผ่าน Facebook ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเพียงเดือนตุลาคมเดือนเดียวมีลูกค้าแล้วกว่า 400 ยูสเซอร์ เพราะทำให้การขยายของออนไลน์ง่าย และไม่ต้องตอบคำถามด้วยตัวเอง แถมยังใช้งานฟรีได้ถึง 6 เดือน ส่วนในต้นปีหน้าเพื่อรองรับการขายสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจะเปิดให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ด้วย
นี่อาจเป็นเพียงบางส่วนที่รวบรวมไว้ในงาน Thailand e-commerce week 2017 ที่จัดโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA แต่ภายในงานยังมีความทันสมัยของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่รอว่าที่เศรษฐีคนใหม่อย่างคุณอยู่....หากใครพร้อมแล้วที่จะเปิดรับความทันสมัยและเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซด้วยตัวเอง หาคำตอบความสำเร็จได้แล้ววันนี้ถึง 26 พฤศจิกายน นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ขอบคุณข้อมูลจาก www.fitebusiness.com