“เบล็ส เเอสเสท กรุ๊ป” ยกปีนี้ปีทองคาดโตเท่าตัว ปั้นแบรนด์ใหม่ ‘เมลิโซ ปาร์ค’ บ้านหรู และ ‘เบล็สเชอร์’ คอนโด 8 ชั้น แห่งแรก สยายปีกธุรกิจตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยคนรุ่นใหม่
“เบล็ส เเอสเสท กรุ๊ป” ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยาวนาน ภายใต้แบรนด์ เบล็ส ทาวน์ (Bless Town)และ เบล็ส วิลล์ (Bless Ville) เผยปีนี้ปีทอง เล็งขยายธุรกิจครอบคลุมความต้องการของตลาดเรียลดีมานด์กลุ่มคนรุ่นใหม่ สตาร์ท-อัพ และครอบครัวคนรุ่นใหม่ ปั้นแบรนด์ใหม่ ‘เมลิโซ ปาร์ค’ บ้านหรู มอบความเป็นส่วนตัวให้การอยู่อาศัย บนทำเลศักยภาพแห่งใหม่ใจกลางย่านหนามแดง และ ‘เบล็สเชอร์’ คอนโดโลว์ไรส์แห่งแรก บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ห่างจากรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน เพียง 700 เมตร และเล็งเปิดโครงการมิกซ์ ยูส เพิ่มอีก 1 โครงการ บนทำเลยุทธศาสตร์ย่านบางปู ปักธงรายได้ ปีนี้เติบโตเท่าตัว
นายธารินทร์ บวรวนิชยกูร กรรมการ บริษัท เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบภายใต้แบรนด์ เบล็สทาวน์ (Bless Town) และเบล็ส วิลล์ (Bless Ville) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองว่า ปี 2561 จะเป็นปีทองของบริษัทฯ ที่มีโอกาสขยายธุรกิจได้ดีอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าในปีที่ผ่านมาภาพรวมอุตสาหกรรมจะเติบโตไม่หวือหวามาก แต่ด้วยบริษัทฯ ซึ่งเป็นรายเล็กของตลาดจึงมีข้อได้เปรียบในการปรับกลยุทธ์ได้ง่ายกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ บวกกับแนวทางการวางกลยุทธ์โครงการที่เปิดขาย และการจับกลุ่มตลาดที่ถูกต้อง ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถปิดการขายทั้งปี2560 แตะระดับ 570-580 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่าร้อยละ 50 จากปี 2559 สำหรับปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์การเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าเท่าตัว มาแตะที่ 900 ล้านบาท โดยมองภาพรวมอุตสาหกรรมจะเติบโตกว่าร้อยละ 9-10 ตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจรวม (GDP) ที่คาดจะโตกว่าร้อยละ 4.5-5
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการเปิดขายโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ใหม่ เมลิโซ ปาร์ค (Meleso Park) บ้านหรู มอบความเป็นส่วนตัวให้กับการอยู่อาศัย และแบรนด์ เบล็ส เชอร์ (BLEISURE) คอนโดมิเนียม8 ชั้น อารมณ์รีสอร์ท โดยรายละเอียดของ 3 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ ประกอบด้วย เมลิโซ ปาร์ค (Meleso Park) ศรีนครินทร์ – หนามแดง มูลค่าโครงการ 310 ล้านบาท บ้านหรู มอบความเป็นส่วนตัวให้กับการอยู่อาศัย บนทำเลใจกลางถนนศรีนครินทร์-หนามแดง เหนือกว่าด้วยฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 132 ตารางเมตร จำนวน 58 ยูนิต อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีด่าน เชื่อมต่อถนนสายสำคัญ ถนนศรีนครินทร์ กิ่งแก้ว บางนา และเทพารักษ์ ใกล้ทางด่วนวงแหวนฯ รอบนอก ในราคาพิเศษเริ่มต้น 4.59 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เตรียมจัดงานเปิดตัวโครงการในวันที่ 3-4 มีนาคม 2561
โครงการที่สอง เบล็สเชอร์ (Bleisure) จรัญสนิทวงศ์ 96/1 คอนโดมิเนียม 8 ชั้น สไตล์รีสอร์ท แห่งแรก บนทำเลใจกลางย่านจรัญสนิทวงศ์ ซอย 96/1 มูลค่าโครงการ 483 ล้านบาท จำนวน 193 ยูนิต ห่างจากรถไฟฟ้ามหานคร (MRT) สายสีน้ำเงิน สถานีบางอ้อ เพียง 700 เมตร ราคาต่อยูนิตเริ่มต้นเพียง 1.79 ล้านบาท โดยเตรียมจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมั่นใจว่าลูกค้าจะให้ความสนใจเป็นอย่างดี เพราะจากการศึกษาตลาดและทำเลย่านจรัญสนิทวงศ์ เป็นทำเลทองที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ต่างให้ความสนใจเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยที่ยังมีสูง เพราะเป็นย่านที่ความเจริญขยายมาจากตัวเมือง และมีระบบขนส่งมวลชนรอง อาทิ รถไฟฟ้ามหานครส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน สถานีบางซื่อ-หัวลำโพง-ท่าพระ-พุทธมณฑลสาย 4 ที่กำลังก่อสร้าง อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนตัดใหม่ศรีรัชวงแหวน ที่สามารถเชื่อมการเดินทางสู่ ตัวเมืองโซนพระนคร ปิ่นเกล้า เพชรเกษม พุทธมณฑล หรือโซนสาทร สีลม จตุจักร ฯลฯ ได้อย่างสะดวก ซึ่งโครงการนี้ บริษัทฯ เตรียมจะเปิดตัวโครงการในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2561
สำหรับโครงการที่สาม ที่เตรียมจะเปิดตัวนั้น บริษัทฯ จะพัฒนาโครงการในรูปแบบมิกซ์ ยูส ระหว่างทาวน์โฮม 2 ชั้น และบ้านแฝด 2 ชั้น รวมจำนวน 318 ยูนิต บนพื้นที่โครงการประมาณ 29 ไร่ ในทำเลยุทธศาสตร์ย่านบางปู ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และศึกษาแบรนด์โครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากที่สุด อย่างไรก็ดีกลยุทธ์ของบริษัทฯ ยังคงเน้นจุดขายและจับตลาดที่บริษัทฯ ถนัด ได้แก่ ตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยเริ่มทำงาน กลุ่มสตาร์ท-อัพ และกลุ่มคนที่เริ่มสร้างครอบครัว ที่มีความเป็นตัวเอง สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ โดยยังคงรักษาคุณภาพสินค้าตามแนวคอนเซปต์ความคุ้มค่ายิ่งกว่าราคาจ่าย
“ปีนี้ บริษัทฯ ขยายธุรกิจเพื่อปิดช่องว่างตลาดของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ทั้งการพัฒนา บ้านหรู เมลิโซ ปาร์ค และ คอนโด 8 ชั้น เบล็สเชอร์ เพื่อตอบโจทย์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาดเรียลดีมานด์กลุ่มคนรุ่นใหม่ สตาร์ท-อัพ และครอบครัวคนรุ่นใหม่ ที่มีสไตล์การอยู่อาศัยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต บริษัทฯ ยังคงเน้นโครงการแนวราบมากกว่า เพราะเป็นโครงการที่บริษัทฯ มีความถนัด และถือเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยในอนาคต บริษัทฯ กำลังมองหาที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงยั่งยืนในทุกๆ ปี และเพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2562” นายธารินทร์ กล่าวปิดท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก www.bagroup.co.th